Tuesday, December 26, 2023

9 วิธีดูแลหมา-แมวรับปีใหม่ ฉลองอย่างไรให้สัตว์เลี้ยงมีสุข


      ฉลองปีใหม่กับเจ้าตูบและเจ้าเหมียวด้วยของขวัญสุดพิเศษกับ 9 วิธีดูแลสัตว์เลี้ยง ให้เจ้าตูบและเหมียวแข็งแรงต้อนรับปีใหม่และอยู่กับเราไปนาน ๆ


        ปีใหม่นี้ถ้าใครยังไม่มีของขวัญให้ให้สัตว์เลี้ยงที่บ้าน อยากจะบอกว่าไม่ต้องหาซื้อให้ยุ่งยากเลย นอกเหนือจากจากขนมและของเล่นแล้วคุณยังสามารถให้ของขวัญอย่างอื่นกับพวกมันได้ อย่างเช่น ใช้เวลาอยู่กับน้องเหมียวมากขึ้น หรืออาจจะพาเจ้าตูบไปเดินเล่นบ่อยขึ้น และวันนี้กะปุกดอทคอมก็มี วิธีดูแลน้องหมาและน้องแมวมาฝากกัน ถือซะว่าเป็นเป็นการให้ของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับเจ้าตูบและเจ้าเหมียว

1. พาไปตรวจสุขภาพประจำปี

        ไม่ใช่มีแต่คนเท่านั้นนะที่ต้องไปตรวจสุขภาพประจำปี หากที่บ้านมีน้องหมาน้องแมวอยู่ ก็อย่าลืมพาพวกเขาไปตรวจสุขภาพประจำปีด้วยนะคะ เพราะนอกจากจะได้เช็กความแข็งแรงของร่างกายแล้ว ยังทำให้รู้ล่วงหน้าอีกด้วยว่าสัตว์เลี้ยงของเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคอะไรบ้าง แล้วในฐานะที่เราเป็นเจ้าของควรจะระมัดระวังเรื่องอะไรบ้าง มีอะไรบ้างที่ทำได้และมีอะไรบ้างที่ทำไม่ได้ เพราะโรคบางอย่างไม่มีอาการเตือนใด ๆ ถ้ามีอาการปุ๊บอาจหมายถึงชีวิตเลยก็ได้ เช่น โรคมะเร็ง ฉะนั้นปีใหม่นี้หากจะหาของขวัญให้สัตว์เลี้ยงสัตว์อย่าง พาพวกเขาไปตรวจสุขภาพประจำปีก็น่าจะเป็นไอเดียที่ดีมากทีเดียวค่ะ


2. ให้อาหารที่มีประโยชน์

        ของอ้วน ๆ มักจะอร่อยกว่าของที่มีประโยชน์เสมอ ซึ่งหมา-แมวเองก็คงเบื่อหากต้องกินอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ ทุกวัน ฉะนั้นสำหรับเจ้าของที่อยากหาอะไรอร่อย ๆ ให้พวกเขาทาน เช็กส่วนผสมสักหน่อยว่ามีส่วนประกอบของอาหารที่เป็นอันตรายหรือเปล่า แล้วควรให้กินในปริมาณเท่าไรถึงจะพอดี แม้จะเป็นของอร่อยที่พวกเขาชอบกินมาก ก็อย่าใจอ่อนเพราะเจ้าตัวน้อยส่งสายตาปิ๊ง ๆ เพื่อขอขนมเพิ่มเชียว ทำใจแข็งเข้าไว้หรือคิดถึงสุขภาพของพวกเขาให้มาก ๆ จะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ เพราะหากปล่อยให้กินตามใจปากเยอะ ๆ แล้วมาป่วยทีหลัง เป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าแน่ ๆ เช่น เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานหรือไขข้ออักเสบ

        ส่วนอาหารหลักก็ควรให้ที่เหมาะสมกับวัยและชนิดของสัตว์เลี้ยงด้วย ซึ่งตอนนี้อาหารสัตว์ก็มีบอกไว้ในฉลากอยู่แล้ว โดยข้อดีของการให้อาหารสำเร็จรูปก็คือส่วนใหญ่มีสารอาหารครบถ้วนในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของหมากับแมวอยู่แล้ว หากไม่มั่นใจก่อนซื้อควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนสักนิด สัตว์เลี้ยงจะได้มีสุขภาพแข็งแรงและอยู่กับเราไปนาน ๆ

3. ป้องกันสัตว์เลี้ยงสูดควันบุหรี่

        ควันบุหรี่ไม่ได้เป็นอันตรายกับคนเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายกับน้องหมาและน้องแมวด้วย เพราะจะทำให้ระบบทางเดินหายใจของพวกเขามีปัญหาหลังสูดควันเข้าไป อีกทั้งยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เมื่อเผลอเลียนขนที่มีควันบุหรี่ติดอยู่ด้วย หากรักกันจริงปีใหม่นี้ลองเลิกสูบบุหรี่เพื่อตัวเอง คนที่รัก และสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ๆ ในบ้านดูนะคะ


4. ให้เวลากับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น

        หากก่อนหน้านี้แทบไม่มีเวลาให้กับสัตว์เลี้ยงเลยหรือมีเวลาให้แค่ตอนที่คุณไม่มีใครเท่านั้น ลองคิดดูสิว่าตอนนี้พวกเขาอยู่บ้านตัวเดียวมันเหงาขนาดไหน ปีใหม่นี้ลองลดกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตแล้วเพิ่มเวลาดูแลสัตว์เลี้ยงให้มากขึ้น เช่น หลังเลิกงานถ้าวันไหนไม่มีธุระเร่งด่วนก็รีบกลับบ้านมาพาพวกเขาออกไปเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือเปลี่ยนสถานที่เที่ยวบ้างช่วงเสาร์-อาทิตย์ วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้สัตว์เลี้ยงมีความสุขอย่างเดียว แต่คุณอาจจะได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และมีเพื่อนใหม่ ๆ จากกลุ่มคนที่เลี้ยงสัตว์ชนิดเดียวกันด้วย


5. อย่ามองข้ามเรื่องการออกกำลังกาย

        ทุกวันนี้พบว่าสัตว์เลี้ยงเป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักเลยก็คือออกกำลังกายน้อยเกินไปหรือเจ้าของไม่ได้พาไปออกกำลังกายเลย และตอนนี้ก็มีหมา 53% กับแมวอีก 55% ที่เป็นโรคนี้ หากเป็นแล้วก็จะมีโรคข้างเคียงตามมาอีกมากมาย ทั้งโรคเบาหวาน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคความดัน ฯลฯ ดังนั้นเจ้าของควรพาสัตว์เลี้ยงไปออกกำลังกายด้วยตามความเหมาะสมกับอายุ เพศ และสายพันธุ์


6. หมั่นดูแลความสะอาดของร่างกาย

        แม้แมวจะทำความสะอาดตัวเองได้ แต่เจ้าของอย่างเราก็ควรช่วยดูแลความสะอาดไปพร้อมกันด้วย เช่น หมั่นตัดเล็บให้มีความยาวที่พอเหมาะ สามารถเดินได้สะดวกและยังใช้ป้องกันตัวเองได้ ไม่ตัดจนสั้นกุดหรือปล่อยยาวจนเดินลำบาก สำหรับน้องหมาหากมีเวลาควรอาบน้ำให้พวกเขาสัปดาห์ละครั้งและเช็ดขนให้แห้งทันทีหลังอาบน้ำเสร็จเพื่อป้องกันโรคปวดบวม นอกจากนี้ควรหมั่นแปรงฟันให้สะอาดอยู่เสมอ โดยใช้ยาสีฟันที่ระบุว่าใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง เพราะยาสีฟันมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในปริมาณที่เป็นพิษกับน้องหมาที่อาจทำให้เสียชีวิตได้เลย

        ข้อแนะนำสำหรับการแปรงฟันให้น้องหมาก็คือ ในช่วงแรกหากมีอาการขัดขืนให้ใช้ผ้าชุบน้ำขัดฟันไปก่อน เริ่มจากฟันด้านในแล้วค่อยขยับมาแปรงฟันหน้า ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ประมาณ สัปดาห์แล้วค่อยเปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟัน

7. หากิจกรรมให้ทำเวลาว่าง

        รู้หรือไม่ว่าน้องหมาก็สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ โดยเฉพาะหมาที่เป็นมิตร เข้ากับคนได้ง่าย และปรับตัวเก่งเมื่อเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ นั่นเป็นสัญญาณว่าน้องหมาอาจเป็นหมาบำบัดที่ดีได้ เช่น สุนัขพยาบาลบำบัดผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ที่บ้านหรือตามโรงพยาบาล หรือช่วยฝึกทักษะการอ่านของเด็ก ๆ เป็นต้น


8. พาเข้าสังคมใหม่ ๆ

        น้องหมาน้องแมวอาจจะเข้ากับเจ้าของได้ดีก็จริง แต่อาจจะเกิดความกลัวเมื่อเจอคนแปลกหน้าหรือสัตว์ตัวอื่น ๆ และอาจเกิดการทำร้ายได้เพื่อป้องกันตัว ฉะนั้นควรฝึกให้น้องหมาน้องแมวได้พบปะกับคนและสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ด้วย

9. ทำประกันสัตว์เลี้ยง

        อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งกับสัตว์เลี้ยง ฉะนั้นจึงควรจะทำประกันให้กับพวกเขาด้วย ส่วนหลักการเลือกซื้อประกันคือ ให้เลือกประกันที่ครอบคลุมทั้งการประกันอุบัติเหตุ สุขภาพและการรักษาพยาบาลโรคทั่วไป

        อย่างไรก็ตามการเลี้ยงสัตว์นั้นไม่ใช่แค่การเอาใจใส่ในด้านใดด้านหนึ่ง ควรดูแลพวกมันทั้งในด้านจิตใจและสุขภาพเจ้าตูบและเจ้าเหมียวจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ ปีใหม่นี้ก็อย่าลืมหันมาดูแลสัตว์เลี้ยงกันให้มากขึ้นนะคะ

cr. pic. https://www.pinterest.com/pin/528398968795231826/

Thursday, August 24, 2023

ไททัน & เดอิ ต่างพ่อต่างแม่ แต่สองเหมียวก็รักกัน


พี่ทันทันนั้นเป็นเหมียวเมนคูนเสี้ยวเปอร์เซีย ส่วนน้องเดอินั้นเป็นเหมียวเมนคูนแท้…. 


แม้จะเป็นพี่น้องต่างพ่อต่างแม่ แต่สองเหมียวก็รักกัน ไม่เคยที่จะต่อสู้กันเลย แค่เล่นหยอกล้อกันเบาๆ ตามประสาเหมียวๆ น่ารักเป็นที่ซู๊ดดดด….




จริงๆ แล้ว พี่ไททันนั้นซึ่งเป็นเหมียวผู้ชาย อายุเท่ากับพ่อของน้องเดอิเลย จะให้น้องเหมียวเดอิเรียกว่าลุงก็ได้น๊ะ




ตอนนี้….น้องเหมียวเดอิตัวยาวกว่าพี่ไททันแล้วววว แต่มีรูปร่างเพรียวเป็นนางแบบเลย ส่วนพี่ไททันนั้น หลังทำหมันก็เอาแต่หม่ำกับนอน เลยรูปร่างใหญ่มากกกก หนักเกือบ 10 โลแว้ววว




เห็นเจ้าสองเหมียว ไททัน & เดอิ รักกัน เราก็สุขใจสุดๆ ไปเล้ย….





Sunday, August 6, 2023

พิษจากยาต่อสุนัขและแมว


พิษจากยา NSAIDs ต่อสุนัขและแมว  (Dogazine)


Dog Care เรื่องโดย หอมเพนกวิน

                เวลาที่เจ้าตูบตัวร้อน มีไข้ เรามักจะเป็นกังวล แต่ว่าบางทีอาจยังไม่มีเวลาพาเจ้าตูบไปพบสัตวแพทย์ บางครั้งจึงป้อนยาพาราเซตามอลที่ใช้ลดไข้ในคนให้กับเจ้าตูบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดพิษจากพาราเซตามอลกับเจ้าตูบ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเรานั่นเอง สาเหตุของการเกิดพิษที่พบได้บ่อย ๆ ในสัตว์ทั่ว ๆ ไป มีทั้งจากธรรมชาติ และจากการกระทำด้วยน้ำมือของเราเอง สารจากธรรมชาติ ได้แก่ สารพิษจากเชื้อรา พืชมีพิษ พิษจากสัตว์ เช่น งู คางคก ผึ้ง ต่อ แตน ฯลฯ ส่วนพิษที่เกิดจากการกระทำของเราเอง ได้แก่ ของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม สารเคมี สารกำจัดศัตรูพืชและแมลง รวมทั้งยา

                สาเหตุของการเกิดพิษที่พบได้บ่อยในสุนัขและแมว เกิดได้จากทั้ง 2 แหล่งที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งเราจะเน้นไปที่ยากลุ่มที่ใช้มากในการรักษาภาวะข้ออักเสบลดปวด ลดไข้ในคน ซึ่งทำให้เกิดพิษสูงในสัตว์ เรียกยากลุ่มนี้ว่า "ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์" (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs’ NSAIDs) ที่รู้จักกันดี เช่น แอสไพริน และพาราเซตามอล

                เจ้าตูบที่ได้รับสารพิษ มักถูกพามาพบสัตวแพทย์เป็นกรณีฉุกเฉิน เพราะฉะนั้น การแก้ไขจึงมุ่งไปที่การช่วยให้เจ้าตูบมีชีวิตรอดและการแก้ไขตามอาการรวมทั้งการให้ยา เพื่อลดการดูดซึมของสารพิษนั้น ๆ ด้วย ดังนั้นการซักประวัติจากเจ้าของจึงมีความจำเป็นมาก หลักฐานจากเจ้าของและอาการของเจ้าตูบ จะเป็นสิ่งบ่งชี้ได้ในระดับหนึ่งว่าเป็นสารพิษชนิดใด

                พาราเซตามอล หรือ อะเซตามิโนเฟน เป็นยาลดปวดลดไข้ คล้ายกับแอสไพริน แต่มีคุณสมบัติลดการอักเสบได้น้อยและไม่ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร มีความปลอดภัยในคน แต่สามารถทำให้เกิดความเป็นพิษในสัตว์ โดยเฉพาะสุนัขและแมว ยามีหลายรูปแบบได้แก่ยากินชนิดเม็ด ยาน้ำเชื่อม และยาฉีด ขนาดของพาราเซตามอลเพื่อลดปวดลดไข้ในสุนัข คือ ขนาด 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ให้กินทุก 12 ชั่วโมง ในสุนัขจะเกิดความเป็นพิษเมื่อได้รับขนาด 200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมขึ้นไป ทว่าไม่มีขนาดที่ปลอดภัยในแมว เพราะแมวจะไวต่อความเป็นพิษของพาราเซตามอลมาก โดยอาจพบความเป็นพิษ เมื่อให้กินในขนาด 50-100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือบางกรณีอาจต่ำถึง 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

                เมื่อสุนัขได้รับพาราเซตามอลในขนาดที่สูง จะเกิดอาการของความเป็นพิษ ซึ่งเป็นอาการที่บ่งชี้ถึงภาวะที่เซลล์ตับถูกทำลาย อาการที่พบ คือ อาเจียน เบื่ออาหาร หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว อาจปวดท้อง และมีดีซ่าน อาจมีเยื่อเมือกคล้ำ มีเลือดปนในปัสสาวะ ใบหน้า และฝ่าเท้าบวม 

                แมวมีอาการคล้ายสุนัข แต่อาการทางตับไม่ชัดเจน อาการที่พบ คือ เยื่อเมือกคล้ำ หายใจลำบาก มีการบวมน้ำของหน้าและฝ่าเท้า ซึม อุณหภูมิร่างกายต่ำและอาเจียน อาจพบดีซ่านได้บ้าง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก หากได้รับขนาดสูงมาก ๆ จึงจะพบอาการเกี่ยวกับตับ ห้ามให้พาราเซตามอลในแมวเด็ดขาด

                การรักษา จะมุ่งเน้นที่การป้องกันไม่ให้ยาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายให้การรักษาพยุงชีพ และให้ยาแก้พิษเฉพาะ หากเป็นกรณีเฉียบพลัน และเจ้าตูบถูกนำมาพบสัตวแพทย์ภายใน 4 ชั่วโมงหลังได้รับพาราเซตามอล จะทำการลดการดูดซึมโดยให้สารดูดซับ เช่น ผงถ่านหรือทำการล้างท้อง

                การรักษาพยุงชีพ ได้แก่ การให้สารน้ำเข้าหลอดเลือด การให้ออกซิเจนถ้าเลือดจางรุนแรงอาจจำเป็นต้องให้เลือดหรือสารทดแทนเลือด

                สำหรับการดูแลอื่น ๆ ควรระวังเรื่องภาวะขาดน้ำ และอุณหภูมิของร่างกาย ควรใช้แผ่นความร้อนเพื่อให้สัตว์อบอุ่นตลอดเวลา (ทั้งนี้ควรตรวจอบอุณหภูมิร่างกายของเจ้าตูบเป็นระยะ ๆ ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิร่างกายสูงมากเกินไป)

                จะเห็นได้ว่า การให้พาราเซตามอลแก่เจ้าตูบและเจ้าเหมียวนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้อาการตัวร้อน มีไข้ ดีขึ้นแล้ว ยังอาจเกิดภาวะแพ้พิษจากพาราเซตามอลได้ โดยความเป็นพิษของพาราเซตามอลในสุนัขจะเกิดที่ตับ สำหรับแมวจะเกิดที่เซลล์เม็ดเลือดแดงเป็นหลัก 

                เพราะฉะนั้นก่อนจะให้ยาอะไรก็ตาม ควรให้ยาตามที่สัตวแพทย์สั่ง และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพียงเท่านี้ ก็ช่วยให้เจ้าตูบของเราลดความเสี่ยงของการเกิดพิษจากยาต่าง ๆ ได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://pet.kapook.com/view24480.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/827255025325976147/

Tuesday, July 4, 2023

9 ข้อดีของการมีสัตว์เลี้ยง

 


       ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่มักนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนประจำบ้าน และจะเลี้ยงไว้อย่างน้อย ชนิด และสัตว์เลี้ยงที่ ติดอันดับ อันดับ ได้แก่ น้อง หมา น้องแมว และปลา นอกจากนั้น ก็ได้แก่ นก ม้า หนู กระรอก และ สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์แปลกอย่างอื่น 


          คนที่เลี้ยงสัตว์ ก็มีหลายเหตุผลบ้าง ก็เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน บ้างก็เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน บ้างก็เลี้ยงไว้ประดับบารมี บ้างก็เลี้ยงไว้เอาบุญ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ หรือข้อดีของสัตว์เลี้ยงเท่าใดนัก แต่ความจริงสัตว์เลี้ยงมีประโยชน์มากมายที่เราไม่เคยคิดมาก่อน
 ดังนั้น วันนี้จะมาพูดถึงข้อดีเกี่ยวกับประโยชน์ของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะน้องหมา ตามมาดูกันเลยค่ะ 

ข้อที่ ผลต่อความดันโลหิตและความเครียด 

          การเลี้ยงน้องหมาจะช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาความเครียดให้เจ้าของ หรือคนเลี้ยงที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้

ข้อที่ ผลต่อความรู้สึกโดดเดี่ยว 

          ปัจจุบัน ผู้สูงอายุมักจะถูกปล่อยทิ้งให้อยู่บ้านตามลำพัง หรือลูกหลานอาจแยกครอบครัว ออกเรือนไป ทำให้ผู้สูงอายุถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ สัตว์เลี้ยงก็จะช่วยแก้ปัญหาจากการอยู่เพียงลำพังได้เป็นอย่างดี ช่วยลดปัญหาด้านจิตใจห่อเหี่ยวได้ 

ข้อที่ ผลต่อการมีสังคม 

          สัตว์เลี้ยงจะช่วยให้เรามีสังคมมากขึ้นเพราะช่วยให้มีคนเข้ามาพบปะพูดคุยกับเรามากขึ้น ในหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับสตว์เลี้ยง ซึ่งจะทำให้เรามีเพื่อนมากขึ้น โดยเฉพาะบรรดาคอคนรักสัตว์ด้วยกัน 

ข้อที่ ผลต่อการออกกำลังกาย 

          การเลี้ยงสัตว์จำเป็นต้องมีกิจกรรมเพิ่มขึ้น เช่น การจัดเตรียมอาหารให้สัตว์เลี้ยง การพาสัตว์เลี้ยงไปขับถ่าย ออกกำลัง การเล่นกับสัตว์เลี้ยง กิจกรรมเหล่านี้เองช่วยให้คนเลี้ยงได้ออกกำลังกายในทางอ้อม ทำให้ผู้สูงอายุได้ขยับเขยื้อนร่างกายบ้าง ไม่ต้องนั่งจับเจ่าอยู่เพียงอย่างเดียว 

ข้อที่ ผลต่อการพบแพทย์ 

          พบว่าผู้สูงอายุที่เลี้ยงน้องหมา น้องแมว จะมีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งดูได้จากการไปพบแพทย์ลดลง และกินยาลดลงอีกด้วย 

ข้อที่ ผลต่อจิตใจโอบอ้อมอารี 

          สัตว์เลี้ยงนั้นก่อให้เกิดความรักแท้ที่ไม่มีเงื่อนไขแก่คนเลี้ยง ทำให้คนเลี้ยงได้รับรักแท้ จากสัตว์เลี้ยงเป็นประจำทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

ข้อที่ ผลต่อความปลอดภัย

          เลี้ยงสัตว์เช่น น้องหมา นอกจากจะได้รับความเพลิดเพลินแล้ว น้องหมาก็ยังทำหน้าที่อารักขาเจ้าของอีกด้วย ทำให้คนเลี้ยงรู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่ง

ข้อที่ ผลต่อการสูญเสียคนรู้จัก 

          ผู้สูงอายุนั้น มักจะต้องพบเจอกับเรื่องการจากไปของคนรู้จัก ตั้งแต่คู่สมรส ญาติผู้ใหญ่ ตลอดจนเพื่อนร่วมรุ่น ซึ่งสัตว์เลี้ยงคู่กายก็ยังอยู่เป็นเพื่อนช่วยบรรเทาความรู้สึกเศร้าใจจากการสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักได้บ้างไม่มากก็น้อย 

ข้อที่ ผลต่อปัญหาส่วนตัว


          การได้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสักตัว จะช่วยให้ผู้เลี้ยงรู้สึกมีค่า มีความหมาย โดยเฉพาะ กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเมื่อมีปัญหาส่วนตัวจากภายนอกมากระทบ ก็จะช่วยผ่อนปรนให้เรื่องร้อน ๆ จากภายนอกค่อย ๆ บางเบาลงไป เมื่อเปรียบกับการมีจิตใจเมตตากรุณาต่อสัตว์เลี้ยงของตน 

       
   นี่เป็นข้อดีของสัตว์เลี้ยงบางส่วนที่มีคนเลี้ยง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งนอกนั้นเราสามารถพบข้อดีของสัตว์เลี้ยงที่มีต่อคนเลี้ยงได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กวัยรุ่น ผู้ใหญ่ จนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งที่เห็นแน่ ๆ ก็คือ สัตว์เลี้ยงทำให้จิตใจของมนุษย์อ่อนโยนและชุ่มชื่นขึ้นค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
petnews2005
cr. pic. https://www.pinterest.com/pin/9218374229371673/

Wednesday, February 22, 2023

7 วิธีกำจัดกลิ่นอึแมวในบ้าน เปลี่ยนบรรยากาศให้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม !


รวมวิธีกำจัดกลิ่นอึแมวเหม็นกวนจมูก แบบไม่เป็นอันตรายต่อแมวและคน ปรับเปลี่ยนบรรยากาศรอบบ้านให้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม


ปัญหากลิ่นอึแมวเรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับชาติสำหรับใครหลาย ๆ คน แม้กระทั่งบ้านที่เลี้ยงแมวหรือบ้านที่มีแมวจรจัดเข้ามาอาศัยอยู่ เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้กลิ่นเหล่านี้ก็จะทำลายบรรยากาศในบ้าน และหากสูดดมบ่อยก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำวิธีกำจัดกลิ่นอึแมวมาฝากกันค่ะ รับรองได้เลยว่าแต่ละวิธีที่เรานำมานั้น ไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายหรือรุนแรงกับแมวแน่นอน เอาเป็นว่าแล้วจะมีวิธีไหนบ้างนั้นต้องไปดูค่ะ


1. น้ำยากำจัดกลิ่นทำเอง


สูตรนี้เหมาะสำหรับกำจัดกลิ่นฉี่แมวในบ้าน โดยเริ่มจากผสมน้ำส้มสายชูและน้ำเปล่าในปริมาณที่เท่า ๆ กันเทใส่ขวดสเปรย์ แล้วฉีดไปตรงจุดที่แมวฉี่ไว้ ซับออกด้วยทิชชู ทำซ้ำอย่างนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง แล้วใช้ไดร์เป่าให้แห้ง ต่อมานำเบกกิ้งโซดาโรยกลบรอยฉี่แมวให้ทั่ว แล้วผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ¼ ถ้วยตวงกับน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชาให้เข้ากัน เทใส่ขวดสเปรย์เพื่อฉีดพ่นลงบนเบกกิ้งโซดาที่โรยไว้ ใช้แปรงขัดเบา ๆ ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วปิดท้ายด้วยใช้เครื่องดูดฝุ่นกำจัดเศษเบกกิ้งโซดาให้หมด


2. น้ำหมักชีวภาพหรือน้ำ EM


นอกจากน้ำหมักชีวภาพจะช่วยปรับสภาพดินเพื่อการเกษตรได้แล้ว น้ำหมักยังมีคุณสมบัติที่ช่วยกำจัดกลิ่นอึและฉี่แมวได้อีกด้วย แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความสะอาดและเก็บสิ่งปฏิกูลให้เกลี้ยง จากนั้นนำน้ำหมัก (แบบไม่ผสมน้ำเปล่า) มาฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณนั้น ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วล้างออกให้เกลี้ยง 


3. กากกาแฟโรยดับกลิ่น


หากที่บ้านพอจะมีกากกาแฟสดเหลืออยู่บ้าง หรือถ้าไม่มีก็ลองขอซื้อตามร้านกาแฟดูเลยค่ะ แล้วนำกากกาแฟมาผสมกับผิวเปลือกส้ม นำไปกลบไว้ในที่ที่แมวชอบมาฉี่หรืออึ ก็จะช่วยดับกลิ่นเหม็นได้ แถมยังมีกลิ่นที่ทำให้แมวไม่กลับมาอึที่เดิมด้วย


4. น้ำส้มสายชูผสมน้ำร้อน


เราสามารถเอาน้ำสายชูมาประยุกต์เป็นสูตรดับกลิ่นได้หลากหลาย เช่นเดียวกับสูตรนี้เลยค่ะ โดยการนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำร้อน (น้ำเดือด) ให้เข้ากันดี จากนั้นนำไปเทราดบริเวณที่แมวมาทิ้งบอมบ์ไว้ แต่ก่อนราดส่วนผสมอย่าลืมเก็บทำความสะอาดอึแมวให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เมื่อราดลงไปแล้ว น้ำส้มสายชูและน้ำร้อนจะช่วยทำความสะอาดไปพร้อม ๆ กับควันระเหยที่ช่วยดับกลิ่น


5. เบกกิ้งโซดาผสมน้ำฉีดไล่กลิ่น


หากใครไม่ชอบกลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู แนะนำให้ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่า กะดูปริมาณให้เข้มข้นพอสมควร พอเข้ากันดีแล้วก็เทใส่ขวดสเปรย์ เพื่อนำไปฉีดพ่นบริเวณที่แมวเคยมาอึและฉี่บ่อย ๆ เพียงเท่านี้กลิ่นฉุนจากของเสียก็จะหายไป หรือจะโรยกลบของเสียไปก็ช่วยได้เหมือนกันค่ะ


6. ดินปลูกต้นไม้ดับกลิ่นได้ แถมปลูกต้นไม้ต่อได้เลย


ถ้าวิธีอื่นไม่ได้ผล ลองกำจัดด้วยแบบธรรมชาติดูสิคะ ให้หาดินทรายที่เอาไว้ปลูกต้นไม้มาโรยกลบอึแมวให้ทั่ว กลิ่นก็จะหายไป แต่ถ้าไม่อยากให้แมวเข้ามาอึที่เดิม ๆ อีก ให้นำดินมาลงเยอะหน่อย แล้วหาต้นไม้ที่มีกลิ่นหอมมาปลูกไว้ตรงนั้นไปเลยค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยกำจัดกลิ่นและป้องกันไม่ให้แมวมาอึซ้ำได้แล้ว เรายังได้สวนสวย ๆ เพิ่มอีกต่างหาก


7. ลูกเหม็นดับกลิ่นเหม็น ๆ จากอึแมว


แม้จะชื่อว่า "ลูกเหม็น" แต่คุณสมบัติมันกลับโดดเด่นเหนือชื่อเลยค่ะ เพียงแค่นำลูกเหม็นมาบดให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำเปล่าให้เข้ากัน นำไปราดบริเวณที่แมวชอบมาอึทิ้งไว้ เพียงเท่านี้กลิ่นเหม็น ๆ กวนจมูกก็จะหายไป แถมยังไล่ไม่ให้แมวเข้ามาอึได้อีกต่างหาก แต่ต้องระวังอย่าผสมให้กลิ่นลูกเหม็นฉุนแรงจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เราหายใจไม่สะดวกเอาได้


หวังว่าแต่ละวิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ คงจะไม่มีขั้นตอนไหนที่หายากเกินความสามารถแน่นอน ฉะนั้นถ้าคุณกำลังพบเจอปัญหากลิ่นเหม็นจากอึแมวอยู่ละก็ ลองนำวิธิดับกลิ่นเหล่านี้ไปลองใช้ดูนะคะ และที่สำคัญห้ามใช้วิธีรุนแรงเด็ดขาด เพราะจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkokshow, Coffeeindy และ tommysong25

https://home.kapook.com/view172654.html

cr. pic.

https://www.pinterest.com/pin/747597606879469697/


Wednesday, February 8, 2023

ขนมแมว ยี่ห้อไหนดี ? ตัวช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับทาส

 


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ชวนเจ้าทาสมาทำความรู้จักขนมแมวแบบเจาะลึก ประโยชน์ วิธีการเลือก และข้อควรระวัง พร้อมรีวิวขนมแมวจากแบรนด์ยอดฮิต บอกเลยว่าควรมีติดบ้านไว้ สบายใจทั้งแมวและคนเลี้ยง


สมัยนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่แมวเต็มไปหมด เพราะความน่ารักน่าชัง ขี้อ้อน และมีเสน่ห์ของเจ้าสัตว์เลี้ยงขนปุยเลยทำให้หลายคนยอมตกเป็นทาส ยอมศิโรราบให้เจ้านาย 4 ขาตัวนี้กันมานักต่อนัก อาหารแมวอะไรที่ว่าดีมีประโยชน์เป็นต้องหาซื้อมาให้ แต่เจ้าเหมียวตัวแสบกลับเบื่ออาหาร ไม่ยอมกินซะนี่ แต่ทาสไม่ต้องกระวนกระวายใจไป เพียงหาขนมแมวมาติดบ้านไว้สักหน่อย เพราะขนมแมว หรืออาหารว่างแมว มีกลิ่นหอมและรสชาติที่ถูกปากเจ้าเหมียวของเรา จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้นด้วย

แต่ก่อนจะไปซื้อขนมแมวมาให้นายท่าน มาดูกันก่อนค่ะว่า ขนมแมวมีกี่ประเภท มีประโยชน์มากน้อยขนาดไหน ควรเลือกอย่างไร ต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง และเราก็มีตัวอย่างขนมแมวมาแนะนำอีกด้วยค่ะ

ขนมแมวมีกี่ประเภท


1. ขนมแมวเลีย หรือขนมแมวแบบเนื้อครีม

           เป็นเนื้อครีมนิ่ม เพราะมีน้ำเป็นส่วนผสมหลัก ทำให้กินง่าย มีกลิ่นหอมที่ดึงดูดและกระตุ้นความอยากอาหารของแมว เหมาะสำหรับแมวเด็ก แมวที่อายุมาก หรือแมวที่มีปัญหาดื่มน้ำน้อย

2. ขนมแมวแบบเม็ด

          เป็นเม็ดเนื้อแข็ง คล้ายอาหารของแมวปกติ แต่เติมกลิ่นและรสชาติให้ดูพิเศษมากขึ้น ข้อดีคือ สามารถควบคุมปริมาณที่จะให้ได้ง่าย พกพาสะดวก เหมาะสำหรับให้เป็นรางวัลเวลาที่แมวทำตัวดี

3. ขนมแมวแบบเปียก

           เป็นเนื้อสัตว์ที่แมวกินได้ทั้งชิ้น เช่น ไก่หรือปลา ปรุงรสเรียบร้อยแล้ว ช่วยกระตุ้นให้แมวกินอาหารมากขึ้น เหมาะสำหรับแมวที่มีปัญหาเรื่องฟัน กินอาหารแข็งไม่ได้ หรือแมวที่กินน้ำน้อย

4. ขนมแมวแบบอบแห้ง

       เหมาะสำหรับแมวที่ขาดสารอาหาร หรือเบื่ออาหาร ด้วยการนำเนื้อสัตว์ที่แมวกินได้ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา มาแปรรูปด้วยการอบแห้ง ซึ่งจะคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้และไม่มีสารปนเปื้อนด้วย แต่ราคาแพง

5. ขนมแมวแบบแท่ง

           เป็นแท่งเหนียว เหมาะสำหรับการกินเล่นเป็นขนมและกัดเพื่อขัดฟัน ทำให้ฟันสะอาดและลมหายใจของแมวไม่มีกลิ่นเหม็น


ประโยชน์ของขนมแมว


นอกจากจะเป็นอาหารว่างแมวที่ช่วยสานสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้านายกับทาสแล้ว ขนมแมวยังมีประโยชน์อื่น ๆ ดังนี้

1. เพิ่มสารอาหารและวิตามิน

           ในขนมแมวจะมีสารอาหารและวิตามินบางอย่างที่ร่างกายของแมวต้องการ เช่น ไบโอติน ช่วยบำรุงขน ลดการหลุดร่วงของเส้นขน ทอรีน ช่วยบำรุงสายตา อินนูลิน ช่วยให้ระบบย่อยและระบบดูดซึมของลำไส้ทำงานดีขึ้น เป็นต้น

2. ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร

           เพราะกลิ่นและรสชาติที่เติมลงไปในขนมแมว จะช่วยดึงดูดและกระตุ้นให้แมวเกิดความอยากอาหารและทำให้แมวกินอาหารได้มากขึ้นด้วย

3. ฝึกนิสัย

           ใครว่าแมวฝึกยาก จริง ๆ แล้วสามารถฝึกได้เหมือนหมา แต่อาจจะต้องใช้ความอดทนและตัวช่วยมากหน่อย ซึ่งขนมแมวก็เป็นตัวช่วยสำคัญเลย เพราะกลิ่นและรสชาติจะช่วยดึงความสนใจและทำให้แมวมีสมาธิและฟังคำสั่งได้ดีขึ้น


วิธีเลือกขนมแมวที่ดีและมีประโยชน์


เลือกขนมแมวแบบไหนที่ถูกปากเจ้านาย และสบายกระเป๋าทาส มาดูกันค่ะ

1. เลือกกลิ่นและรสชาติที่แมวชอบ

           เพราะกลิ่นและรสชาติที่ปรุงแต่งเข้ามาในขนมแมวจะดึงดูดและกระตุ้นให้แมวอยากกินอาหารมากขึ้น ซึ่งครั้งแรก ๆ อาจจะต้องลองผิดลองถูกกันหน่อย แต่ไม่ว่าจะรสชาติไหน เจ้านายก็เป็นอันต้องสยบให้กับขนมแมวทุกครั้งไป

2. เลือกจากส่วนผสมของขนมแมว

       ควรเลือกขนมแมวที่ไม่มีสารอันตราย ทั้งสารกันบูด หรือใส่สีย้อมที่เป็นอันตราย และเลือกส่วนผสมที่มีสารอาหารครบถ้วนแก่สุขภาพของแมว ไม่มีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล และไขมัน ที่มากเกินความต้องการ นอกจากนี้ต้องคำนวณปริมาณแคลอรีที่แมวจะได้รับต่อวันด้วย ในฉลากอาหารสัตว์เลี้ยงจะระบุถึงส่วนผสม วันที่ผลิต วันหมดอายุ และปริมาณแคลอรีของขนมแมวแต่ละชนิด ซึ่งควรพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน

3. เลือกโดยการดูจากสุขภาพของแมวเป็นหลัก

       ขนมแมวจะมีการใส่สารเพื่อช่วยทำให้แมวมีสุขภาพแข็งแรง ปลอดโรค รวมถึงช่วยแก้ปัญหาพฤติกรรมที่ไม่ดีต่าง ๆ ของแมวด้วย จึงควรเลือกขนมให้เหมาะกับสุขภาพของแมว เช่น

  • แมวที่ไม่ค่อยชอบกินน้ำ ควรเลือกขนมแมวเลียแบบเนื้อครีมเพราะมีน้ำเป็นส่วนผสม  

  • แมวพันธุ์ขนยาว ควรเลือกสูตรที่มีใยอาหารสูงหรือดูแลจัดการก้อนขนเป็นพิเศษ

  • แมวที่อายุมากหรือมีปัญหาเรื่องไต เลือกที่ไม่เค็มจัด สูตรโลว์โซเดียม  

  • แมวที่มีปัญหาแพ้อาหาร ควรเลือกที่ไม่มีส่วนผสมของอาหารที่แมวแพ้

4. เลือกแบรนด์ที่มีฉลากอาหารสัตว์เลี้ยงมาตรฐาน

           ฉลากอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นเอกสารหรือเครื่องหมายยืนยันว่าอาหารชนิดนี้มีโภชนาการเป็นประโยชน์และเหมาะสมกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งควบคุมโดย Association of American Feed Control Officials (AAFCO) ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานทางโภชนาการสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยง ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อมั่นใจได้ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของแมวจริง ๆ


ข้อควรระวังในการให้ขนมแมว


1. ไม่ควรให้ขนมแมวมากกว่าอาหารหลัก

           ถึงแม้ขนมแมวจะมีสารอาหารที่มีประโยชน์และรสชาติที่ถูกปากแมวมากแค่ไหน ก็ควรให้เพื่อเป็นรางวัลเวลาที่แมวทำตัวน่ารักหรือเชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น อาจจะให้เพียง 10% ของพลังงานทั้งหมดที่แมวต้องการใน 1 วัน ส่วนอีก 90% ที่เหลือ ควรให้แมวกินอาหารหลักไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ดหรืออาหารเปียกที่มีสารอาหารครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า

2. ไม่ให้เยอะและบ่อยเกินไป

       แมวที่ได้กินขนมแมวในปริมาณมากหรือบ่อยเกินไป จะทำให้เบื่ออาหารหลักหรือเสียนิสัยได้ ควรให้ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์กำลังดี

3. แมวเด็กยังไม่ควรกินขนมแมว

           เพราะระบบย่อยอาหารของลูกแมว หรือแมวเด็ก ยังทำงานได้ไม่เต็มที่นัก และร่างกายยังดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่ หรือแมวที่มีอายุมากแล้วก็ควรให้ขนมแมวที่กินง่ายและไม่เค็มเพื่อลดปัญหาโรคไตที่จะตามมา

4. เก็บรักษาอาหารแมวให้ถูกต้องเสมอ

           อาหารแมวแต่ละชนิดเมื่อเปิดแล้วควรเก็บรักษาให้ดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อแมว เช่น ขนมแมวเลียแบบซอง ควรป้อนแมวให้หมดภายในครั้งเดียว ไม่ควรเหลือแล้วนำมาเก็บ เพราะคุณภาพและสารอาหารจะลดลง ขนมแมวแบบเปียกหรือแบบนิ่ม ควรเก็บไว้ในตู้เย็น และขนมแมวแบบแห้ง แบบเม็ด หรือแบบแท่ง ควรเก็บไว้ในห้องที่ไม่ร้อนจนเกินไป


แนะนำ 10 ขนมแมวยอดฮิต

เป็น Favourite ของเจ้าเหมียว


1. ขนมแมวเลีย Me-O Creamy Treats มีโอ ครีมมี่ ทรีต


ขนมแมวเลียชนิดครีม ทำจากวัตถุดิบคุณภาพสูง เสริมวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น โพรไบโอติกส์ ดูแลระบบทางเดินอาหาร ทอรีน ช่วยบำรุงสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน และมีโอเมก้า สังกะสี และ DL-Methionine ช่วยบำรุงผิวหนังและขน 

  • เหมาะกับแมวอายุ 1 เดือนขึ้นไป 

  • น้ำหนักซองละ 15 กรัม 

  • ราคา 55 บาท (4 ซอง)

  • มี 11 รสชาติ ได้แก่ รสปู, รสแซลมอน, รสไก่และตับ, รสโบนิโตะ, รสไก่-ฟักทอง, รสปลาทูน่า-นมแพะ, รสทูน่า-มะเขือเทศ, รสไก่-ตับผสมนมแพะ, รสปลาทูน่าและหอยเชลล์, รสคัตสึโอะ และรสมากุโระ


2. ขนมแมวเลีย CIAO-Churu เชาชุรุ เนื้อปลาทูน่าคัตสึโอะ


ขนมแมวเลียนำเข้าจากญี่ปุ่น ผลิตจากเนื้อปลาทูน่าแท้ ๆ เสริมด้วยวิตามินอี และแร่ธาตุต่าง ๆ จุดเด่นที่สำคัญของแบรนด์นี้คือ มีสารสกัดจากชาเชียว ที่ช่วยทำให้สุขภาพแมวแข็งแรงและช่วยลดปัญหากลิ่นปัสสาวะฉุน สามารถให้เป็นรางวัลหรือผสมอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยถูกปาก 

  • เหมาะกับแมวอายุ 2 เดือนขึ้นไป 

  • น้ำหนักซองละ 14 กรัม 

  • ราคา 65 บาท (4 ซอง)


3. ขนมแมวเลีย Toro Toro โทโร โทโร่


ขนมแมวเลียผลิตจากปลาทูน่าแท้และมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพของแมว เช่น ดีเอชเอ วิตามิน และทอรีน ใช้ผสมกับอาหารหลักช่วยแก้ปัญหาแมวเบื่ออาหารได้ 

  • เหมาะกับแมวอายุ 2 เดือนขึ้นไป

  • น้ำหนัก 15 กรัมต่อซอง 

  • 1 ห่อ มี 25 ซอง ราคา 229 บาท 

  • มี 3 รสชาติ ได้แก่ รสทูน่าและปลาแซลมอน, รสปลาทูน่าผสมไฟเบอร์ และรสทูน่าผสมนมแพะ


4. ขนมแมวแบบเม็ด Me-O ทรีตแมวมีโอ


ขนมแมวแบบเม็ด ทำจากกุ้งแท้ บรรจุแบบซองมีซิปล็อก เก็บง่าย ใช้สะดวก

  • เหมาะกับแมวอายุ 2 เดือนขึ้นไป 

  • น้ำหนัก 50 กรัม 

  • ราคา 15 บาท 

  • มี 3 รสชาติ ได้แก่ รสกุ้ง รสทูน่า-ไก่-ไข่ และรสแซลมอน


5. ขนมแมวแบบเม็ด Whiskas Temptations วิสกัส เทมเทชันส์


ขนมแมวแบบเม็ดเนื้อนุ่มเหนียว ทำจากเนื้อไก่แท้และอาหารทะเลประเภทต่าง ๆ แต่งกลิ่นแซลมอนช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ด้วยมาตรฐานคุณภาพและกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน

  • เหมาะกับแมวอายุ 2 เดือนขึ้นไป 

  • น้ำหนัก 35 กรัม

  • ราคา 25 บาท 

  • มี 5 รสชาติ ได้แก่ รสแซลมอน, รสกัวร์เม่, รสทูน่า, รสซีฟู้ด และรสไก่


6. ขนมแมวแบบเม็ด Jerhigh Jinny Cat Stick


ขนมแมวแบบเม็ดเนื้อนุ่มเหนียว ทำจากเนื้อไก่แท้และอาหารทะเลประเภทต่าง ๆ แต่งกลิ่นแซลมอนช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ด้วยมาตรฐานคุณภาพและกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน

  • เหมาะกับแมวอายุ 2 เดือนขึ้นไป 

  • น้ำหนัก 35 กรัม

  • ราคา 25 บาท 

  • มี 5 รสชาติ ได้แก่ รสแซลมอน, รสกัวร์เม่, รสทูน่า, รสซีฟู้ด และรสไก่


7. Friskies Party Mix Cat Treats Crunch


ขนมแมวแบบเม็ด รสชาติอร่อย มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และช่วยบำรุงผิวหนังและเส้นขน

  • เหมาะกับแมวอายุ 4 เดือนขึ้นไป

  • น้ำหนัก 60 กรัม

  • ราคา 33 บาท 

  • มี 5 รสชาติ ได้แก่  สูตรคลาคสิก รสปลาทูน่า ไก่ และปลาโบนิโตะ, สูตรชีสซี่เครซ รสเชดดาร์ กัวร์ด้าร์และอีแดมชีส, สูตรมิกซ์กริลล์ รสไก่ เนื้อ และแซลมอน, สูตรบีชไซด์ รสปลาทูน่า แซลมอนและสแนปเปอร์ และสูตรปิกนิก รสไก่ ไก่งวงและชีส


8. Toro Toro โทโร โทโร่ ปลาทูน่าชิ้น


ขนมแมวแบบชิ้น ผลิตจากเนื้อปลาทูน่ามากุโระชั้นดี ผ่านการผลิตอย่างพิถีพิถันเพื่อคงความสดของรสชาติ และกลิ่นหอมยั่วยวนให้อยากอาหาร อุดมไปด้วยคุณค่าทางโปรตีนอย่างครบถ้วน 

  • เหมาะกับแมวอายุ 2-3 เดือนขึ้นไป

  • น้ำหนัก 30 กรัม 

  • ราคา 20 บาท 

  • มี 8 รสชาติ ได้แก่ รสไก่ย่าง Original, รสไก่ย่าง-คัตสึโอะบูชิ, รสไก่ย่าง-คอลลาเจน, รสไก่ย่าง-ซุปแซลมอน, รสทูน่า Original, รสทูน่า-คัตสึโอะบูชิ, รสทูน่า-คอลลาเจน และรสทูน่า-ซุปหอยเชลล์


9. Inaba Soft Bits


ขนมแมวแบบชิ้นนิ่ม แบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ อุดมไปด้วยประโยชน์ สารอาหารครบถ้วน ไม่ใช้วัตถุกันเสีย อีกทั้งมีสารสกัดจากชาเขียว ช่วยลดปัญหากลิ่นปัสสาวะฉุนได้ 

  • เหมาะกับแมวอายุ 4 เดือนขึ้นไป 

  • น้ำหนัก 25 กรัม

  • ราคา 112 บาท 

  • มี 6 รสชาติ ได้แก่ ซองสีเหลือง รสปลาทูน่า สันในไก่ ปลาโอแห้ง หอยเชลล์ และปลาหมึก, ซองสีเขียวเข้ม รสปลาทูน่า สันในไก่ และหอยเชลล์, ซองสีม่วง รสปลาทูน่า สันในไก่ ปลาโออบแห้ง น้ำซุบไก่ และรสปลาหมึก, ซองสีส้ม รสปลาทูน่า สันในไก่ และปลาโอแห้ง, ซองสีเขียวอ่อน รสปลาทูน่า สันในไก่ ปลาโอแห้ง และหอยเชลล์ และซองสีน้ำเงิน สันในไก่ผสมปลาโอแห้ง รสซีฟู้ดและปู


10. Snackie Cat Treats


 ขนมแมวแบบแท่งเนื้อนิ่ม อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เหมาะสำหรับให้เป็นอาหารว่างหรือรางวัล บรรจุซองแบบซิปล็อก พกพาและเก็บรักษาสะดวก 

  • เหมาะกับแมวอายุ 6 เดือนขึ้นไป 

  • 1 ซอง 70 กรัม ราคา 50 บาท 

  • มี 3 รสชาติ ได้แก่ รสทูน่า, รสตับ และรสแซลมอน

อ่านถึงตรงนี้แล้วมัวชักช้า ไม่รีบมาซื้อเอาใจเจ้านายอีก เดี๋ยวก็โดนสุดยอดวิชาพันเล็บข่วนไร้ปรานีหรอก แต่อย่าลืมนะคะว่าควรให้ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่ควรให้ขนมแมวเพียงอย่างเดียว ควรให้เจ้าเหมียวได้กินอาหารหลักอย่างครบถ้วน เพื่อสุขภาพที่ดี แข็งแรง จะได้อยู่น่ารักกับเราไปนาน ๆ ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก

perfectcompanion.com

inaba-foods.co.th

tops.co.th

tops.co.th

jerhigh.com

Nestle Official

เฟซบุ๊ก Toro Thailand

Central.co.th

https://pet.kapook.com/view239649.html