Monday, November 27, 2017

วิธีป้องกันอันตรายสำหรับแมวที่ชอบหนีออกบ้าน

          เจ้าของส่วนใหญ่ต่างต้องการให้สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่บริเวณบ้าน เพราะกลัวว่าจะสัตว์จะได้รับอันตราย หรือหายตัวไปหากปล่อยให้ออกไปนอกบ้าน แต่บางครั้งที่เจ้าของเผลอสัตว์เลี้ยงอาจจะแอบออกไปสอดส่องซุกซนภายนอกบ้าง โดยเฉพาะแมวเหมียว เนื่องจากมีขนาดลำตัวที่ค่อนข้างเล็ก และนิสัยรักอิสระ ฉะนั้น เจ้าของอาจจะไม่ทันสังเกตเห็น ดังนั้นในกรณีแบบนี้ควรหาทางป้องกันความปลอดภัยให้แมวกันก่อนดีกว่า

1. ฉีดวัคซีนป้องกันโรค

         ภายนอกมีสิ่งที่เป็นอันตรายรายล้อมรอบตัวที่เราไม่อาจสามารถควบคุมได้รอคอยอยู่มากมาย โดยที่เจ้าของไม่มีวันรู้เลยว่าในแต่ละวันแมวออกไปทำอะไรมาบ้าง และติดโรคมาหรือเปล่า ดังนั้นจึงควรพาแมวไปฉีดวัคซีนที่จำเป็นป้องกันเอาไว้ก่อน อย่างเช่น วัคซีนไข้หัดและหวัดติดต่อในแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า และวัคซีนลิวคีเมีย เป็นต้น

2. นำไปตรวจพยาธิ

         แมวสามารถติดพยาธิจากอาหารได้เหมือนกับคน เพราะฉะนั้นหากมีเวลาควรจะพาแมวไปตรวจพยาธิบ้างอย่างน้อยเดือนละครั้งและตามเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นพยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ และพยาธิตัวกลม เนื่องจากหากไม่รักษาอาจทำให้แมวถึงตายได้

3. ฉีดวัคซีนป้องกันหมัดแมว 

         เจ้าของไม่มีทางรู้ได้ว่าตรงไหนบ้างที่เป็นแหล่งอาศัยของพวกเห็บหมัดแมว หรืออาจจะติดมาจากแมวตัวอื่น ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรฉีดยาป้องกันพวกปรสิตเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้หลังจากที่ตรวจพยาธิภายในแล้วอย่าลืมเช็กโรคผิวหนังภายนอกด้วย และรักษาทันทีหากเจอความผิดปกติบนผิวหนัง หรือขนแมว

4. ใส่ปลอกคอ

         ไม่ว่าจะเป็นแมวที่เลี้ยงมากับมือ หรือแมวจรจัดที่ให้อาหารอยู่ทุกวันควรจะใส่ปลอกคอให้กับพวกมัน เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของด้วย เพราะหากไม่ใส่ปลอกคออาจจะโดนเทศบาล หรือคนอื่นจับตัวไปได้ นอกจากนี้เป็นสัญลักษณ์และตัวช่วยให้หาตัวแมวได้ง่ายขึ้นด้วย โดยเฉพาะปลอกคอที่มีเสียงกระดิ่ง ไม่ว่าจะเดินเบาแค่ไหน เจ้าของนั้นก็สามารถรับรู้ตำแหน่งได้ทันที

5. การสร้างรั้วกั้น

         อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้แมวออกจากบริเวณบ้านได้ก็คือ การสร้างรั้วกั้น หรือทำ Catio ช่องทางเดินเอาไว้กันแมวออกนอกพื้นที่ สามารถช่วยได้เช่นกัน ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ใช้งบประมาณมากอยู่สักหน่อย แต่ได้ผลมาก ๆ เลย ส่วนสำหรับบ้านเช่าอาจหาไม้หรือแผ่นพลาสติกมาปิดช่องว่าง โดยสร้างให้มีความสูงกว่าช่วงกระโดดของแมวเท่านี้เอง

เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/29977153761888688/

Saturday, November 25, 2017

6 วิธีผ่อนคลาย เมื่อเจ้าเหมียวกลัวเสียงฟ้าร้อง


           ในช่วงที่ฟ้าฝนมืดครึ้มเช่นนี้ก็ต้องมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ สำหรับบางคนคงเป็นแค่เรื่องทั่ว ๆ ไปที่ไม่น่าใส่ใจนัก แต่กับแมวคงไม่ใช่เช่นนั้นน่ะสิ เพราะทุกครั้งที่มีเสียงดังเปรี้ยงปร้างขึ้นเมื่อไหร่ เจ้าแมวเหล่านี้ก็จะพากันเก็บตัวเงียบอยู่ตามมุมบ้าน ใต้โต๊ะ หรือใต้ตู้ทุกที แน่นอนว่า เมื่อคนเป็นเจ้าของเห็นแบบนี้ ก็คงอดห่วงไม่ได้ ฉะนั้นบรรดาเจ้าของแมวทั้งหลาย มาดูคำแนะนำดี ๆ จาก www.catster.com ที่ได้บอกวิธีช่วยผ่อนคลายให้กับแมว ในยามเกิดเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ากันเถอะค่ะ 

            1. อาการกลัวเสียงฟ้าร้องเป็นเรื่องปกติ


          โดยปกติหูของแมวค่อนข้างไวต่อเสียงต่าง ๆ อยู่แล้ว ซึ่งเสียงที่ว่า ไม่ใช่แค่เสียงทั่วไปที่เกิดจากสิ่งของกระทบกันเท่านั้น แต่รวมไปถึงระดับความกดอากาศที่เกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และสาเหตุนี้เองที่ทำให้แมวออกอาการหวาดระแวงก่อนพายุจะมาถึง จนทำให้แมวเข้าสู่สภาวะเครียด ทั้งนี้ สามารถลดความตื่นกลัวของแมวได้ด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิด

            2. ให้แมวอยู่ใกล้ตัว


          ถ้าแมวอยู่นอกบ้าน คุณต้องมั่นใจด้วยว่า แมวของตัวเองจะกลับบ้านก่อนที่พายุมาถึง โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ทั้งนี้ หากทราบว่าจะมีพายุเข้า หรือฝนตกกระหน่ำรุนแรง ควรนำแมวกลับที่พักทันที พร้อมกับเตรียมพื้นที่ให้แมวซ่อนตัวด้วย ในกรณีที่จำเป็นต้องอพยพหรือย้ายไปอยู่บริเวณใกล้เคียงชั่วคราว

            3. ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติ


          แมวมีการรับรู้มากมายกว่าที่คุณคิด ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนที่เจ้าของตกอยู่ในภาวะเครียดและวิตกกังวลเรื่องการเปลี่ยนของฝนฟ้าอากาศโดยรอบ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ได้ถูกส่งต่อไปยังแมวของคุณด้วย ฉะนั้นทางที่ดีคุณควรควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในระดับปกติดีกว่า

            4. ระงับความกลัวด้วยแคทนิป


          นำแคทนิป (กัญชาแมว) หรือกลิ่นที่แมวชอบ หยดที่ปลายขนบนหัวแมวเล็กน้อย และลูบบริเวณนั้นเบา ๆ กลิ่นหอมเหล่านั้นจะช่วยบรรเทาอาการหวาดกลัวและความเครียดของแมวลงได้

            5. ปล่อยให้แมวอยู่ในที่ซ่อน


          โดยปกติแมวจะหาที่ซ่อนตัวเมื่อก่อนจะเกิดเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าอยู่แล้ว และเมื่อคุณเห็นเช่นนั้น ก็ไม่ควรจะเรียกหรือบังคับให้แมวออกมาจากที่ซ่อน และควรหาตะกร้ามาตั้งไว้ เพื่อทำเป็นที่นอนให้กับแมว ซึ่งวิธีนี้จะทำให้แมวรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากกว่า จากนั้นเจ้าของก็รอจนกว่าแมวจะออกมาจากที่ซ่อนเอง

            6. ปลอบประโลมเพื่อความสบายใจ


          แมวก็ต้องการการดูแลไม่ต่างจากคน แมวบางตัวอาจจะอยากให้คุณปลอบหรืออยู่ข้าง ๆ เมื่อรู้สึกกลัว ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้  คุณก็ควรดูแลแมวอย่างใกล้ชิดและทำให้แมวรู้สึกสบายใจที่สุด อย่างเช่น ลูบท้อง เกาคาง หรือนั่งข้าง ๆ แต่ทั้งนี้ไม่ควรตามใจมากเกินไป เพราะอาจทำให้แมวติดนิสัยและต้องทำแบบเดิมในครั้งต่อ ๆ ไป

          หลังจากนี้หากเกิดเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าขึ้นมาอีก อย่าลืมลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันนะคะ หรือถ้าคุณมีเคล็ดลับเด็ด ๆ ที่จะช่วยทำให้แมวรู้สึกผ่อนคลายและลดอาการกลัวลงได้ ก็สามารถนำมาแบ่งปันให้เจ้าของแมวคนอื่นได้ทราบกันด้วยนะจ๊ะ

Tuesday, November 21, 2017

นิสัยแมวเปรียบกับคน





นิสัยแมวคล้ายผู้หญิง ?

           เมื่ออารมณ์ดี ก็มาเคล้าเคลีย ออดอ้อนประจบเอาใจ บางทีก็ขึ้นมานั่งบนตัก

           เวลาอารมณ์ไม่ดีก็ทำเมิน เรียกก็ทำไม่ได้ยิน ทำไม่รู้ไม่ชี้บางทีก็เดินหนีไป

           เมื่อโมโหมาก ๆ ก็ข่วน บางทีก็ตบ และถ้าโมโหสุดขีดก็กัดเลย

 นิสัยแมวคล้ายผู้ชาย ?

           ชอบอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ไม่ชอบกักขัง

           อยู่ไม่ค่อยติดบ้าน นึกอยากจะไปก็ไป นึกอยากจะมาก็มา

           บางทีก็หายไปนานแรมเดือนไม่ยอมกลับบ้าน เจ้าของต้องไปตาม พอกลับมาก็หมดเรี่ยวแรงมาทีเดียว มีแผลเต็มตัวต้องนอนให้เจ้าของเยียวยารักษาให้ พอหายแทนที่จะเข็ด ไม่นานหรอก หายไปอีก

 อายุแมว - อายุคน

           แมวอายุ 1 เดือน เท่ากับคนอายุ 5 เดือน

          แมวอายุ 2 เดือน เท่ากับคนอายุ 10 เดือน

          แมวอายุ 3 เดือน เท่ากับคนอายุ 2-3 ปี

          แมวอายุ 6 เดือน เท่ากับคนอายุ 14 ปี

          แมวอายุ 8 เดือน เท่ากับคนอายุ 16 ปี

          แมวอายุ 1 ปี เท่ากับคนอายุ 18 ปี

          แมวอายุ 3 ปี เท่ากับคนอายุ 30 ปี

          แมวอายุ 5 ปี เท่ากับคนอายุ 40 ปี

          แมวอายุ 10 ปี เท่ากับคนอายุ 60 ปี

          แมวอายุ 15 ปี เท่ากับคนอายุ 74 ปี

          ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของแมวจะอยู่ที่ประมาณ 10-15 ปี ขณะที่อายุเฉลี่ยคน 60 ปี 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
sema.go.th


Tuesday, November 7, 2017

5 วิธีจัดระเบียบบ้าน เพื่อความสุขของแมวเหมียว




หากคุณตัดสินใจนำแมวมาเลี้ยงไว้ในบ้านของคุณแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำไม่ใช่แค่การเตรียมน้ำกับอาหารเอาไว้ให้แมวของคุณเท่านั้น แต่จำเป็นต้องเตรียมบ้านเอาไว้ให้พร้อม เพื่อรองรับความสะดวกสบายและสร้างความสุขให้กับสมาชิกใหม่ของบ้านด้วย เนื่องจากสิ่งของบางอย่างนั้นอาจจะทำอันตราย หรือทำให้แมวไม่มีความสุขได้ ดังนั้นในตอนนี้มาดูกันดีกว่าว่า คุณจัดบ้านให้เหมาะสมกับการเลี้ยงแมวได้อย่างไรบ้าง

1. จัดที่นอนให้เป็นที่เป็นทาง

          หากคุณปล่อยให้แมวมานอนบนเตียงนอนของคุณเป็นประจำ อาจจะส่งผลให้คุณมีปัญหาเรื่องการนอนหลับได้ ดังนั้นจะกับสุขภาพของคุณมากกว่าหากคุณแยกที่นอนของแมวออกไป และโดยปกติแล้วแมวบางตัวอาจจะไม่ชอบนอนที่นอนที่ถูกจัดเป็นระเบียบมากนัก ทั้งนี้คุณก็อาจจะแค่หาเศษผ้า วางเบาะเอาไว้ในที่ ๆ แมวชอบไปอยู่เป็นประจำ หรือพยายามไม่ให้แมวเดินเข้าห้องนอนของคุณก็พอ

2. จัดเก็บเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ

          หากไม่อยากเห็นขนแมวติดอยู่บนเสื้อผ้าของคุณอย่างที่ผ่าน ๆ มา ก็ควรจะรีดและพับผ้าเก็บใส่ในตู้ให้มิดชิดทันที เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นแมวของคุณก็อาจจะขึ้นไปนอนเล่นบนกองผ้าที่คุณเพิ่งนำลงมาจากราวตากผ้าก็ได้ ซึ่งเชื่อว่าคุณก็คงไม่อยากจะนำผ้าไปซักอีกรอบเป็นแน่ คงจะดีกว่าหากคุณใช้วิธีนี้ป้องกันเอาไว้ก่อน ๆ ที่คุณต้องทำงานหนักเป็น 2 เท่า

3. ไม่ควรวางอาหารสะเปะสะปะ


          หลังจากที่คุณนำแมวมาเลี้ยงไว้ในบ้าน ก็ควรจะจัดเก็บอาหารหรือขนมให้เรียบร้อย ทั้งระหว่างการทำอาหารและหลังจากที่รับประทานเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้แมวรับประทานเข้าไป เนื่องจากอาหารบางชนิดของคนส่งผลร้ายกับสุขภาพของแมว โดยเฉพาะช็อกโกแลต แป้ง นม อาหารดิบ รวมไปถึงเนื้อสัตว์ติดกระดูกกับไขมัน

4. ทำทางเข้า-ออกให้กับแมว

          หลาย ๆ ครั้งที่พบว่า แมวชอบแอบออกไปนอกบ้านในขณะที่เจ้าของบ้านเผลอ ดังนั้นเพื่อความสะดวกคุณอาจจะทำทางเข้า-ออกเล็ก ๆ เอาไว้ให้กับแมวของคุณด้วย เผื่อเอาไว้ในวันที่มีอากาศแปรปรวน แมวจะได้เดินเข้าบ้านได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้คุณมาเปิดประตู หรือเปิดประตูทิ้งเอาไว้รอให้แมวคุณเดินกลับเข้ามา

5. ใช้แผ่นพลาสติกป้องกันรอยขีดข่วน

          อย่างที่รู้กันดีว่า แมวชอบฝนเล็บกับเฟอร์นิเจอร์ เสา หรืออาจจะเป็นบานกระจกบนหน้าต่าง หากคุณไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เสียหายก็ควรจะนำแผ่นพลาสติกมาหุ้ม หรืออาจจะหาซื้อที่ฝนเล็บแมวไว้ให้เจ้าเหมียวได้ลับเล็บโดยเฉพาะ ซึ่งที่ฝนเล็บแมวจะทำมาจากกระดาษ เชือกปอ หรือเชือกมะนิลา เป็นต้น พร้อมฝึกให้เขาฝนเล็บให้เป็นที่ มีอุปกรณ์ให้แมวฝนเล็บเป็นที่เป็นทางแบบนี้ น่าจะช่วยลดร่องรอยบนเฟอร์นิเจอร์ลงได้บ้าง


          การปรับแต่งบ้านให้เหมาะสมกับการเลี้ยงแมว ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มต้นจากสังเกตพฤติกรรมของแมวก่อนว่า มีมุมไหนที่ชอบไปนอน วิ่งเล่น หรือซ่อนตัวบ้าง จากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับแต่งพื้นที่แต่ละส่วนให้เหมาะสมกับแมว แมวของคุณจะได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับคุณอย่างมีสุข

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/fredalb/cute-cats-and-kittens/

Friday, November 3, 2017

ใครว่าแมวกับสุนัขเลี้ยงด้วยกันไม่ได้ ฟังทางนี้เลยจ้า




          อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าสุนัขกับแมวเป็นเหมือนลิ้นกับฟัน เจอกันทีไรต้องทะเลาะกันเหมือนเด็ก ๆ ทุกที ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนเลยสักครั้งไม่รู้ไปเอาความแค้นมาจากไหน วันนี้กระปุกดอทคอมก็ขอแนะวิธีสร้างความสามัคคีของสองสายพันธุ์ระหว่างเจ้าตูบสุนัขแสนซื่อสัตย์ตลอดกาล กับเจ้าเหมียวตัวน้อยแสนน่ารักได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้อย่างสงบสุข จะมีวิธีทำให้ทั้งสองตัวสนิทกันอย่างไรบ้างนั้นก็ต้องไปดูกันค่ะ


1. ต่างคนต่างอยู่

            วิธีที่ง่ายที่สุด แต่ก็ทำยากที่สุดเช่นกัน ดังนั้นหากเป็นไปได้เราก็อยากให้คุณเป็นกรรมการคอยห้ามศึกเมื่อทั้งสองตัวจ้องเจอหน้ากันทุกครั้ง เพราะพวกมันจะเกรงใจคุณไม่กล้าทำอะไรที่เสี่ยงต่อการโดนดุแน่นอน และคุณก็ไม่ควรวางใจหากเห็นทั้งสองตัวเงียบผิดปกติ เพราะตามสัญชาติญาณของสุนัขยังไง ๆ มันก็คิดว่าแมวคือศัตรูของพวกมันอยู่ดี

2. อยากเลี้ยงสุนัขเพิ่ม

            ถ้าคุณเลี้ยงแมวอยู่ก่อนแล้ว แต่อยากจะหาสุนัขมาเลี้ยงเพิ่มก็ควรให้ทั้งสองตัวทำความรู้จักกันเสียก่อน โดยการนำทั้งสองตัวมาเผชิญหน้ากันตรง ๆ ซะเลย เจ้าสุนัขจะได้รู้ว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีมันเพียงตัวเดียวแต่ต้องอยู่ร่วมกับแมวด้วยนะ แรก ๆ ที่เจอกันอาจจะยังเขม่นกันอยู่ ฉะนั้นคุณก็ควรหาที่ซ่อนตัวเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเอาไว้ด้วย แต่ถ้าพวกมันคุ้นหน้ากันแล้วก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะ

3. อยากเลี้ยงแมวเพิ่ม

            สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขเอาไว้ วันดีคืนดีอยากได้แมวมานอนกอดอุ่น ๆ ก็ควรรู้จักพฤติกรรมสุนัขของคุณให้ดีซะก่อน หากสุนัขของคุณเป็นสุนัขแสนเชื่องเชื่อฟังคุณทุกอย่าง จะสั่งให้นั่ง ยืน หรือขอมือก็ได้ตามสั่งแบบนี้ก็สามารถเลี้ยงแมวเพิ่มอีกตัวได้ แต่ถ้าสุนัขของคุณเป็นสุนัขประเภทฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเราแนะนำว่าอย่าเลี้ยงแมวเลยมีปัญหาแน่ ๆ

4. จับขังเดี่ยว

            บางครั้งเสียง และกลิ่นของสุนัขอาจจะทำให้แมวของคุณรู้สึกเครียด กังวลและระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณสามารถคลายความวิตก และความเครียดของมันด้วยการนำไปขังแยกไว้สักพัก แล้วก็นำพวกของเล่น ที่นอน อาหารไปวางเตรียมเอาไว้ด้วย ให้แมวของคุณได้สงบจิตสงบใจสักครู่ ส่วนคุณและคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ พลัดกันไปดูสถานการณ์ทีละคน


5. ถึงเวลาแนะนำตัว

            คุณวางสุนัขเอาไว้หน้าห้อง แล้วค่อย ๆ เปิดประตูเพื่อรอดูสถานการณ์ และไม่ควรบังคับหรือจับแมวมาอยู่ใกล้ ๆ สุนัข แต่ควรให้ทั้งสองตัวอยู่ที่ใครที่มันก่อนจะดีกว่า หรือหากแมวของคุณสบายใจที่มองสุนัขอยู่ห่าง ๆ ก็ปล่อยมันไป ถ้าทั้งสองตัวไม่ทะเลาะกันก็อย่าลืมให้รางวัลแมวกับสุนัขของคุณด้วย จะเป็นขนมแสนอร่อยหรือลูบหัวพร้อมคำชมก็ได้ พวกมันจะได้รู้ว่าทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว

6. ให้เวลากับพวกมันสักพัก

            ทำอย่างที่กล่าวไปสักประมาณหนึ่งถึงสองอาทิตย์ เพื่อให้พวกมันรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นกลิ่นกันมากขึ้น หลังจากนั้นก็ลองปล่อยสุนัขให้ไปเล่นกับแมวของคุณดู (แต่ทั้งนี้ในห้องนั้นควรจะมีที่ทางให้แมววิ่งหนีด้วยนะ) วันแรกอาจจะปล่อยรวมกันสักห้านาทีหรือสิบนาที แล้วค่อย ๆ เพิ่มเวลาไปเรื่อย ๆ ในวันถัดไปหากทั้งสองตัวไม่ทะเลาะกันก็ตบรางวัลสักชิ้นสองชิ้นเป็นกำลังให้ทั้งสองตัว

7. ถึงเวลาจับมือกันแล้ว

            หากผ่านไปประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์กว่า ๆ แล้วพวกมันยังไม่มีทีท่าว่าอยากจะสนิทกันเลยสักนิด คุณอาจจะต้องใช้ความอดทนอีกหน่อยให้เวลากับพวกมันไปอีกสักพัก เพราะยังไงซะพวกมันก็ได้มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแล้วยังมีเวลาเปิดตัวอีกเยอะแยะ เราเชื่อว่าสักวันพวกมันจะต้องเป็นเพื่อนกันได้อย่างแน่นอน

            สำหรับคนที่อยากเลี้ยงสุนัขกับแมวไปพร้อม ๆ กันคงหายห่วงกันแล้วใช่ไหมคะ เพราะไม่ต้องมานั่งกังวลอีกแล้วว่าแมวจะเข้ากับสุนัขของคุณได้หรือเปล่า และถ้าคุณเผลอมันจะทะเลาะกันบ้างมั๊ย หากคุณรู้จักแนะนำให้ทั้งสองตัวรู้จักกันอย่างถูกต้องตามขั้นตอนวิธีที่เราบอกไป เชื่อว่าทั้งสองตัวจะต้องกลายมาเป็นเพื่อนสนิทสุดซี้กันได้อย่างแน่นอน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/jgisvold01/cute/