Saturday, April 22, 2017

15 วิธีดูแลแมวเปอร์เซียที่คุณรัก




       แมวเปอร์เซียนั้นได้ชื่อว่าเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมไปทั่วโลก ด้วยความที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องรูปร่าง หน้าตา ที่ชวนให้ใคร ๆ หลงรักได้ง่าย ๆ รวมถึงขนนุ่มสลวยของมัน และที่สำคัญนิสัยร่าเริง และขี้ประจบ ทำให้มัดใจเจ้านายได้อยู่หมัด แต่ในการด้านเลี้ยงดูแล้ว แมวพันธุ์นี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงควรเรียนรู้ที่จะดูแลอย่างถูกวิธี เพื่อให้เจ้าเหมียวอยู่กับเราได้นาน ๆ อย่างมีความสุข... ว่าแล้วก็ไปดูวิธีดูแลแมวเปอร์เซียกันเลย

1. หมั่นแปรงขนเป็นประจำ
         จุดเด่นของแมวเปอร์เซียนั้นอยู่ที่ขนนุ่มยาวของมัน ที่ทำให้แมวเปอร์เซียดูสง่าหรูหรามากกว่าพันธุ์ไหน ๆ จนเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย เราจึงควรดูแลขนของมันให้ดูนุ่มสลวยอยู่เสมอ ด้วยการใช้หวีแปรงขนให้แมวของคุณ อย่างน้อยวันละ 15 นาที นอกจากนี้ ควรเน้นในจุดที่น้องแมวของคุณไม่สามารถเอื้อมไปเลียขนไม่ถึง เป็นพิเศษด้วย เช่น ที่คอ ขา และหาง

2. อย่าปล่อยให้แมวอ้วนจนเกินไป
         แม้ว่าแมวอ้วนกลมจะดูน่ารักน่าเอ็นดูก็เถอะ แต่เราก็ไม่ควรปล่อยให้อ้วนจนเกินไป เพราะมันจะไม่ดีกับสุขภาพร่างกายของเจ้าเหมียวแน่ ๆ แต่ถ้าหากเผลอตามใจจน "เสียแมว" ไปแล้วล่ะก็ ยังไม่สายที่คุณจะจับเขามาเข้าคอร์สไดเอทด้วยการเลือกอาหารลดน้ำหนักสำหรับแมวโดยเฉพาะ หรือปรับลดเนื้อสัตว์ เพิ่มผักทีละน้อย และเพิ่มขึ้นในทุก ๆ มื้อจนกว่าเจ้าเหมียวจะคุ้นชิน ซึ่งแรก ๆ สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณอาจจะไม่ปลื้ม และกินอาหารได้น้อยลง แต่นั่นล่ะ คือผลลัพธ์สู่หุ่นสวยสุขภาพดี ดังนั้น จงอย่าใจอ่อนเลยเชียวล่ะ อย่างไรก็ตาม แมวแต่ละตัวอาจมีสภาพร่างกายที่ต่างกัน เพราะฉะนั้น ควรปรึกษาสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิดด้วย 
 3. อาบน้ำบ่อย ๆ
         การที่แมวของเรามีเนื้อตัวสกปรก นอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพของมันแล้ว ยังกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคในบ้านอีกด้วย เราจึงควรรักษาความสะอาดของมันอยู่เสมอ ด้วยการอาบน้ำให้แมวอย่างน้อยเดือนละครั้ง ทั้งนี้ หากแมวของคุณออกไปนอกบ้าน หรือมีเหตุให้ต้องคลุกคลีกับสิ่งสกปรกอยู่บ่อย ๆ ก็ควรอาบนำให้บ่อยขึ้น ประมาณอาทิตย์ละครั้ง

4. ดูแลรอบดวงตาของมันด้วย
         เพราะรูปหน้าที่เชิดรั้นเข้าคู่กับแก้มป่อง ๆ ของแมวเปอร์เซีย ทำให้มันต้องประสบปัญหาจากคราบน้ำตา และขี้ตาที่เกาะติดรอบตาจนยากจะเอาออกอยู่เสมอ การดูแลรอบตาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และละเลยเสียไม่ได้ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรอบตาแมวโดยเฉพาะมาเช็ดตามรอบตาของมัน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกหาซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้ ก็สามารถนำกระดาษทิชชู่ชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามรอบตาของเจ้าเหมียวของคุณได้เช่นกัน

5. ไม่ควรปล่อยแมวออกไปข้างนอกบ่อยนัก
         แม้แมวส่วนใหญ่จะชอบออกไปผญภัยนอกบ้าน แต่แมวเปอร์เซียนั้นกลับต่างออกไป เพราะขนยาว ๆ ของมันจะทำให้มันรู้สึกอบอ้าวขึ้นมาอีก ถ้าต้องเจอกับสภาพอากาศร้อน ๆ ภายนอก และมันก็ไม่ใช่แมวที่ขยันสำรวจหาสิ่งใหม่ ๆ นัก ยิ่งไปกว่านั้น ขนของมันยังไปเกี่ยวพันกับสิ่งสกปรกได้ง่ายกว่าแมวทั่ว ๆ ไปอีกด้วย มันจึงเหมาะกับการเลี้ยงในบ้านมากกว่า
 6. รับมือกับโรคถุงน้ำที่ไต
         แมวเปอร์เซียประมาณ 36 - 49 % มักจะเป็นโรคถุงน้ำที่ไตซึ่งทำให้มันสูญเสียความสามารถในการกรองสารพิษออกจากร่างกาย โดยจะเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ช่วงอายุ 3 - 10 ปี ซึ่งมันจะมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียน เซื่องซึม และกระหายน้ำมากจนผิดสังเกต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีวิธีรักษาโรคดังกล่าวนี้ให้หายขาด เพราะฉะนั้น หากแมวของคุณมีอาการดังกล่าว ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อปรึกษาหาวิธีดูแล และจัดเรื่องอาหารให้มันอย่างถูกวิธี

7. อย่าปล่อยให้แมวของคุณขี้เกียจจนเกินไป 
         แมวเปอร์เซีย มักมีอุปนิสัยขี้เกียจกว่าแมวทั่วไป และพร้อมจะนอนอยู่เฉย ๆ ได้ทั้งวันโดยไม่รู้จักเบื่อ เราจึงควรหากิจกรรมใหม่ ๆ มาเรียกร้องความสนใจอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้มันใช้ชีวิตเอื่อยเฉื่อยจนตัวอ้วนกลมเกินไป อาจจะหาซื้อของเล่นใหม่ ๆ เช่น ลูกบอล หรือไม้แหย่แมว มาคอยดึงความสนใจของมันก็ได้

8. ให้อาหารแต่พอเหมาะ
         ควรให้อาหารในจำนวนที่พอดีเพื่อไม่ให้แมวของคุณทานมากจนเกินไป นอกจากนี้ หากแมวของคุณมีอาการผิดปกติหลังกินอาหาร เช่น ท้องเสีย หรืออาเจียน ก็ควรพาไปพบสัตวแพทย์ เพราะมันอาจมีอาการไม่ถูกกับอาหารบางชนิดก็ได้  ฉะนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์ดูให้ดีว่าแมวของคุณเหมาะกับอาหารแบบไหน
 9. รับมือกับปัญหาขนร่วง
         แน่นอนว่าแมวเปอร์เซียที่มีขนยาวเป็นพิเศษนั้น มักมีขนร่วงจำนวนมาก จนยากที่จะคอยดูแลเก็บทิ้งตลอดเวลา บรรดาเจ้าของแมวทั้งหลายจึงเลือกที่จะพยายามทำให้แมวของตนมีขนร่วงลดลงให้มากที่สุด ด้วยการให้ทานอาหารสำเร็จรูปสูตรที่ทำให้ขนหลุดร่วงลดลงแทน อย่างไรก็ตาม นอกจากวิธีดังกล่าวแล้ว คุณสามารถเลือกใช้วิธีอื่นได้อีกเช่นกัน ด้วยการให้แมวของคุณทานต้นกล้าอ่อนข้าวสาลีเป็นประจำ ทั้งนี้ ต้องมั่นใจได้ว่า ต้นกล้าอ่อนข้าวสาลีที่คุณนำมาให้แมวของคุณทานนั้นปลอดสารพิษ เพื่อให้ไม่เป็นอันตรายกับสุขภาพของแมว
 10. สังเกตปัญหาเรื่องการหายใจ
         เนื่องจากแมวเปอร์เซีย มีโพรงจมูกที่ค่อนข้างสั้น จึงทำให้มันต้องประสบปัญหาในการหายใจอยู่เสมอ และในกรณีที่เป็นหนักเข้า แมวบางตัวอาจจำเป็นต้องให้สัตวแพทย์ช่วยผ่าตัดแก้ไข เพื่อให้หายใจได้สะดวก ดังนั้นคุณจึงควรสังเกตพฤติกรรมของมันอยู่เสมอ หากแมวของคุณส่งเสียงทางจมูกบ่อย ๆ หรือมีอาการกรนดังผิดปกติ ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
 11. ทำความสะอาดหูเป็นประจำ
         แน่นอนว่าแมวของคุณไม่สามารถทำความสะอาดหูด้วยตัวเองได้ เจ้าของอย่างคุณจึงจำเป็นต้องเป็นคนคอยจัดการดูแลให้มันอยู่เสมอ ด้วยการใช้กระดาษทิชชู่ หรือผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดให้มัน ทั้งนี้ หูของแมวนั้นเป็นส่วนที่อ่อนไหวมาก คุณจึงควรพยายามทำความสะอาดให้เบามือที่สุด และใช้เวลาให้น้อยที่สุดด้วย
 12. มองหาแมวจากร้านที่เชื่อถือได้เท่านั้น
         หากคุณต้องการแมวเปอรเซียพันธุ์แท้ที่ไม่ได้มีโรคติดตัว ก็ควรเลือกมองหาในร้านที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น ร้านที่มีชื่อเสียง หรือร้านที่คนรู้จักของคุณแนะนำให้ นอกจากนี้ ระหว่างที่กำลังหาซื้อลูกแมว ก็ควรถามเรื่องความรู้เกี่ยวกับแมวกับเขาด้วย หากเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ และไว้ใจได้จริง ๆ เขาก็จะสามารถแนะนำแมวเปอร์เซียลักษณะดี และวิธีการดูแลที่ถูกต้องให้คุณได้แน่นอน

13. อย่าละเลยเวลาที่มันอ้อน
         แม้บางครั้งคุณจะยุ่งกับชีวิตทำงาน และครอบครัวมากจนแทบไม่มีเวลา ก็ควรแบ่งเวลาไว้ดูแลแมวของคุณด้วย เพราะมันก็ชรู้สึกน้อยใจได้เหมือนกันเวลาที่เจ้าของไม่สนใจ ดังนั้นเวลาที่มันอ้อนด้วยการคลอเคลียเอาใจ ก็ควรหันไปเล่นกับมันบ้าง เพื่อให้เขาไม่รู้สึกว่าคุณไม่ใส่ใจมันเท่าที่ควร จำไว้ว่าไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ต้องการความรัก และการเอาใจใส่ด้วยกันทั้งนั้น

14. ตัดแต่งขนให้ดูดีอยู่เสมอ
         หากต้องการให้แมวของคุณดูสวยโดดเด่นอยู่เสมอ ก็ควรหมั่นพาไปตัดขนที่ร้านเป็นประจำ เพื่อให้ช่างสามารถใช้ลูกเล่น ซอยไล่ระดับขนให้ออกมาดูเป็นประกายสวยงามได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณเบื่อกับการตัดขนแบบเดิม ๆ อาจขอให้ช่างตัดทรงอื่น ๆ ให้กับแมวของคุณด้วยทรงต่าง ๆ เช่น ทรงสิงโตที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ก็ได้
 15. ดูแลฟันให้สะอาด
         ฟันของสัตว์เลี้ยงมักเป็นสิ่งที่เจ้าของละเลยที่จะสนใจอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดูแลสุขภาพปากของสัตว์เลี้ยงนั้นเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว เพราะถ้าหากเกิดการติดเชื้อในช่องปากขึ้นแล้ว อาจนำมาซึ่งโรคร้ายสารพัด และทำให้แมวของคุณอายุสั้นลงได้อีกหลายปี เราจึงควรดูแลฟันของแมวที่เรารักให้สะอาดอยู่เสมอ ด้วยการใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กแปรงให้มันเป็นประจำ
         เพียงแค่ทำตามวิธีดูแลทั้ง 15 ข้อนี้ แมวเปอร์เซียของคุณก็สามารถอยู่กับคุณได้นานหลายปีโดยมีสุขภาพที่ดีได้แล้ว เพราะฉะนั้น คนรักแมวทั้งหลายอย่าลืมนำเทคนิคการดูแลนี้ไปใช้กับเจ้าเหมียวที่บ้านกันนะจ๊ะ

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/explore/teacup-persian-kittens/

Sunday, April 9, 2017

หางของแมว....บอกอารมณ์ของแมวได้




* ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น :
   แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย

* ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล :
   แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

* ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง :
   แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ

* ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง :
   แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน

* ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง :
   แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน

* ถ้าหางของแมวอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว : 

   แสดงว่าแมว รู้สึกว่าถูกรบกวน หรือมีความกังวล ทุกข์

* ถ้าหางของแมวนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก :
   แสดงว่าแมวกำลังรู้สึกโกรธมาก

* ถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง :
  แสดงว่าแมวกำลังโกรธ

* ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน :
   แสดงว่าThe cat is แมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว

* ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน :
   แสดงว่าแมวอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีก

* ถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและลุกพองออก :
   แสดงว่าแมวกำลังกลัว

* ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ :
   แสดงว่าแมวอาจจะ มีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ

* ถ้าหางของแมวลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง :
   อาจจะแสดงว่าแมวกำลังยอมแพ้

* ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่งและแมวหมอบ ย่อตัวหรือยกส่วนสะโพกสูงขึ้น :
   แสดงว่าแมวตัวเมียตัวนั้นพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์ Mate

ข้อสังเกตุ : 
ต้องคิดอยู่เสมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแมว ณ สถานการณ์นั้น และสิ่งแวดล้อมที่แมวอยู่ อย่าดูอารมณ์ของแมวด้วยอาศัยท่าทางของหางของแมวแต่เพียงอย่างเดียว
* แมวมักจะแกว่งหางเมื่อมันกำลังมีอารมณ์ดี *

ข้อมูลอ้างอิงจาก : รพ.ส.มก.
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/12173861473952077/

Tuesday, April 4, 2017

ยลโฉมเจ้าฮาน่า เหมียวเซเลบตากลมโตใสแป๊วเว่อร์ นี่หนูใส่บิ๊กอายหรือเปล่าลูก




         ไปรู้จักเจ้าฮาน่า เหมียวเซเลบสุดน่ารักจากญี่ปุ่น ที่มีดวงตากลมโตใสแป๋วประหนึ่งใส่บิ๊กอาย จนกลายเป็นขวัญใจสาวโซเชียลไปแล้วตอนนี้

          วันที่ 4 เมษายน 2560 เว็บไซต์ Bored Panda เผยชุดภาพพร้อมรายงานความน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าเหมียว ฮาน่า แมวสายพันธุ์สก๊อตติสโฟลด์ วัย 3 ปี จากประเทศญี่ปุ่น ด้วยความที่มันมีเอกลักษณ์อันโดดเด่น เป็นดวงตาที่กลมโต ใสแป๋ว ราวกับใส่บิ๊กอายอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับขนนุ่ม ๆ ฟู ๆ สีขาวของเจ้าเหมียว ทำให้มันกลายเป็นที่หลงใหลคลั่งไคล้ของชาวโซเชียลมากมาย โดยเฉพาะบรรดาทาสแมวทั้งหลาย เรียกได้ว่าถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

  
          ปัจจุบัน ในบัญชีอินสตาแกรม @hana__kitty ของเจ้าเหมียวฮาน่า มีผู้กดติตามมาถึง 254,000 ฟอลโลเวอร์ ขึ้นแท่นเป็นเซเลบเหมียวอีกหนึ่งตัว ในวันปกติของเจ้าเซเลบเหมียวฮาน่า ที่นอกจากจะทำตัวน่ารักไปวัน ๆ แล้ว สิ่งที่มันชอบทำเป็นประจำคือการเคล้าเคลียไปรอบ ๆ กับการงีบหลับ บางครั้งก็ชอบออกไปเล่นกับเจ้าไซ นกคู่หูของมัน

  
  เจ้าเหมียวฮาน่าไม่เหมือนแมวตัวอื่น ๆ เพราะนอกจากมันจะไม่ไล่จับนกแล้ว มันยังชอบไปเล่นกับนกด้วย จนเกิดเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ที่น่ารัก ๆ ขึ้นระหว่างเจ้าเหมียวกับนกตัวน้อย ใครเห็นแล้วต่างก็พากันยิ้มใจละลายไปตาม ๆ กัน... จะน่าเอ็นดูขนาดไหน ว่าแล้วก็ลองไปชมดูเลย






























ภาพจาก Instagram @hana__kitty
https://pet.kapook.com/view168967.html

Monday, April 3, 2017

ไขข้อข้องใจนิสัย แมว



ทำไมแมวชอบร้องเหมียวๆ

         แมวจะทำเสียงนี้ เมื่อรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เค้าเริ่มรู้จักที่จะสร้างเสียงแบบนี้ ตั้งแต่เป็นลูกแมว ซึ่งจะส่งเสียงนี้ในยามที่ต้องการความอบอุ่นจากแม่แมว และเวลาที่หิวนม ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดจากสมองสั่งการ ให้เกิดเสียงร้องจากการสั่นของกล้ามเนื้อช่องคอนั่นเอง แมวมักจะทำเสียงนี้ในขณะหลับซึ่งคล้ายๆ กับเสียงกรน ครั้งต่อไปหาคุณได้ยินเสียงนี้อีกคุณลองถามเค้าสิว่า.. เค้าต้องการอะไร

ทำไมแมวจึงรักที่จะนอน

         "แมวขี้เซา" เป็นคำที่ใช้เรียกแมวที่รักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ พวกเค้าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับอย่างน้อย 17 ชั่วโมง ต่อวัน ซึ่งเป็น ลักษณะที่ถ่ายทอดมาจากแมวป่าที่มักจะไม่ชอบออกล่าเหยื่อ หรือหาอาหารสักเท่าไหร่ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าแมวชอบที่จะนอนมากกว่า เจ้าแมวนอนหวดเอ๋ย

ทำไมแมวจึงชอบที่จะข่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน


         พฤติกรรมการข่วนของแมวนั้น เกิดจากเหตุผลหลายอย่าง ประเด็นแรกนั้นการข่วนเป็นการฝนเล็บให้สวยงามและแมวก็มีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น อีกทั้งพฤติกรรมนี้ยังเป็นการสร้างอาณาเขตของตัวเอง เพื่อป้องกันผู้บุกรุก แมวมักจะข่วนเป็นแนวตรงกับเสาหรือต้นไม้ ดังนั้น เราจึงควรจัดเตรียมที่ไว้ให้เป็นสัดส่วน สำหรับการฝนเล็บของแมว โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปที่อื่น ถ้าย้ายไปละฮึ่ม....จะข่วนไม่ให้เหลือ..

ทำไมแมวจึงชอบนอนหงายแล้วกลิ้งไปมา

         หลายคนมีความคิดที่ผิดว่าการที่แมวนอนไถหลังกับพื้น เป็นการแสดงพฤติกรรมที่ต้องการกำจัดหมัดออกจากร่างกาย ในความจริงแล้ว อาการเช่นนี้แสดงออกถึงความไว้วางใจในตัวคุณ เป็นการแสดงอาการยอมรับคุณ หรือทักทายคุณ 

         ครั้งหน้าหากคุณพบว่าแมวทำท่าเกลือกกลิ้งต่อหน้าคุณให้คุณรู้ว่า เค้าอยากให้คุณแสดงความเป็นมิตรต่อเค้าด้วยการลูบท้อง

ทำไมแมวจึงชอบคลอเคลียที่ขาของเรา

         แมวมีต่อมกลิ่นทั่วร่างกายเช่น ริมฝีปาก, สีข้าง, หน้าผาก, หาง เป็นต้น กลิ่นจะกระจายติดตามร่างกายของผู้ที่แมวเข้าไปคลอเคลีย การแสดงอาการเช่นนี้ของแมวบ่งถึงความต้องการที่จะแสดงความเป็นเจ้าของคุณ หากแมวแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับคุณแล้ว จงภูมิใจได้ว่าเค้ารักคุณ

ทำไมแมวจึงต้องใช้ถาดทรายแมว


         เพราะแมวมักจะถ่ายบนถาดทรายเสมอ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ดี โดยเป็นสัญชาติญาณในการดำรงชีวิตในป่า

         เนื่องจากในป่า แมวจะมีพฤติกรรมหลบซ่อนศัตรูที่ไม่ให้ใครพบเห็น ถือเป็นพฤติกรรมที่ถ่ายทอดกันมาอย่างยาวนาน นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมแมวจึงต้องการถาดทรายไว้หลบซ่อนของเสีย อันเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมนี้

ทำไมแมวจึงชอบเลียขน

         การเลียสามารถกำจัดเศษขนที่หลุดล่วงและสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีการเจริญใหม่ของชั้นผิวหนังและขน ยิ่งกว่านั้นน้ำลายของแมวยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของเค้าด้วย ลูกแมวจะรู้จักการเลียขนตั้งแต่แรกเกิดโดยมีแม่แมวเป็นผู้จัดการสอนเลียขนให้

         "คุณควรตระหนักเสมอว่าแมวมีวิวัฒนาการธรรมชาติมาจากสัตว์ป่า ซึ่งอุปนิสัยเหล่านั้นยังคงอยู่ในร่างกาย และจิตใจของแมวจวบจนทุกวันนี้ คุณจึงควรให้ความรัก และเข้าใจแมวของคุณ ร้องเรียกเหมียว... เหมียว... เดี๋ยวก็มา"



ไขข้อข้องใจ ของนิสัยแมว (โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ)
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/676173331578114107/