ไขข้อสงสัยการเลี้ยงแมวดีต่อใจอย่างไร
ช่วยรักษาสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง ถ้าอยากรู้ว่าทำไมใคร ๆ ก็ยอมเป็นทาสแมว
มาหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคงจะไม่ใช่สงครามหรือสภาพอากาศที่แปรปวนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นความรู้สึกเปราะบางในจิตใจของเรานี่แหละ ที่จ้องจะทำร้ายตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะเห็นได้จากผลการสำรวจจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรคเครียดที่เพิ่มมากขึ้น มิหนำซ้ำยังมีข่าวที่เกี่ยวกับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซึมเศร้าปรากฎให้เห็นอยู่บ่อย ๆ แม้ว่าการรักษาส่วนมากจะต้องพึ่งยาเป็นหลัก แต่ผลงานวิจัยบางตัวกลับพบว่าสัตว์เลี้ยงอย่าง “แมว” นี่แหละ สามารถช่วยบำบัด รักษา และปรับสภาวะอารมณ์ให้ดีขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งวันนี้จะได้รู้กันว่าการเลี้ยงแมวส่งผลต่อสภาวะจิตใจอย่างไรบ้าง ?
ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคงจะไม่ใช่สงครามหรือสภาพอากาศที่แปรปวนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นความรู้สึกเปราะบางในจิตใจของเรานี่แหละ ที่จ้องจะทำร้ายตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะเห็นได้จากผลการสำรวจจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรคเครียดที่เพิ่มมากขึ้น มิหนำซ้ำยังมีข่าวที่เกี่ยวกับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซึมเศร้าปรากฎให้เห็นอยู่บ่อย ๆ แม้ว่าการรักษาส่วนมากจะต้องพึ่งยาเป็นหลัก แต่ผลงานวิจัยบางตัวกลับพบว่าสัตว์เลี้ยงอย่าง “แมว” นี่แหละ สามารถช่วยบำบัด รักษา และปรับสภาวะอารมณ์ให้ดีขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งวันนี้จะได้รู้กันว่าการเลี้ยงแมวส่งผลต่อสภาวะจิตใจอย่างไรบ้าง ?
โดยมหาวิทยาลัยในเมืองบัฟฟาโล นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และ
ดร.คาเรน เอล์เลน (Karen Allen) แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน ได้ทำการวิจัยและประเมินผลเกี่ยวกับ
ผลกระทบที่เกิดจากภาวะทางสังคมต่ออัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และการหลั่งเอ็นไซม์เรนิน
(Renin) ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความเครียดในกลุ่มอาชีพผู้ช่วยนักลงทุน
(Stockbroker) ในนิวยอร์ก จำนวน 48 คน
จากการทดลองให้ยาที่ชื่อ ลิซิโนพริล (Lisinopril) และ
แองจิโอเทนซิน-คอนเวอร์ติง เอนไซม์ (ACE) ซึ่งเป็นยาลดความดันโลหิต
แล้วแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย กลุ่มละ 24 คน กลุ่มแรกรักษาด้วยการให้ยาเพียงอย่างเดียว ส่วนกลุ่มที่ 2 รักษาด้วยยาควบคู่ไปกับการเลี้ยงสัตว์ เช่น หมาหรือเแมว
หลังการรักษา 6 เดือนพบว่ากลุ่มที่เลี้ยงสัตว์ไปพร้อม ๆ กับรับประทานยามีอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และการหลั่งเอนไซม์เรนิน (Renin) น้อยลงเมื่อเทียบกับผู้ที่รักษาด้วยยาเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าต้องส่งผลให้สุขภาพจิตใจดีขึ้นตามไปด้วย
พร้อมกันนี้ยังแสดงให้ถึงข้อดีของการเลี้ยงแมวด้วยว่า...
หลังการรักษา 6 เดือนพบว่ากลุ่มที่เลี้ยงสัตว์ไปพร้อม ๆ กับรับประทานยามีอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และการหลั่งเอนไซม์เรนิน (Renin) น้อยลงเมื่อเทียบกับผู้ที่รักษาด้วยยาเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าต้องส่งผลให้สุขภาพจิตใจดีขึ้นตามไปด้วย
พร้อมกันนี้ยังแสดงให้ถึงข้อดีของการเลี้ยงแมวด้วยว่า...
1. แมวจะรักเจ้าของโดยไม่มีเงื่อนไข
เพราะสัตว์ก็คือสัตว์ พวกมันจะไม่สร้างเงื่อนไขหรือเสาะแสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในความสัมพันธ์ ดังนั้นการเลี้ยงแมวจึงทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เป็นเพื่อนยามเหงา ไม่ปล่อยให้ความเครียดมีอิทธิพลสร้างกำแพงแยกเราออกจากสังคม และไม่ทำให้เราต้องคอยกังวลว่าพวกมันจะคิดอย่างไร
2. เพิ่มความรับผิดชอบทำให้มองเห็นคุณค่าในตัวเอง
หลายคนอาจจะคิดว่า ตนเองคงเลี้ยงแมวไม่ได้หรอก เพราะลำพังต้องดูแลตัวเองยากลำบากพออยู่แล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับบอกว่า ความรับผิดชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการดูแลแมวนี่แหละ ที่จะทำให้คุณมองเห็นคุณค่าและความมีสำคัญในตัวเองมากยิ่งขึ้น
3. พาแมวไปเดินเล่น เพื่อสร้างสุขภาพกายและใจให้ดีขึ้น
ถ้าได้เริ่มเลี้ยงแมวหรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ แล้วล่ะก็ เจ้าของจะต้องพาแมวออกไปเดินเล่นนอกบ้านอยู่บ่อย ๆ ซึ่งกิจกรรมนี้จะทำให้เจ้าของได้ออกกำลังกายไปในตัว ทำให้สุภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยให้คุณจัดการกับความเครียดได้ดี และส่งผลให้จิตใจดีขึ้นตามไปด้วย
4. การสัมผัสแมวจะช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้
แม้ว่าคุณจะอารมณ์เสียมาจากไหน แต่ถ้าได้ลูบไล้ขนนุ่ม ๆ ของแมวแล้วก็จะทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งมีอ้างอิงได้จากผลของการวิจัยให้ผู้ชายที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ได้เลี้ยงสัตว์และประเมินผลพบว่า พวกเขารู้สึกทุกข์ทรมานจากอาการของโรคซึมเศร้าน้อยลงเมื่อได้อยู่กับสัตว์เลี้ยง
5. แมวช่วยรักษาระดับความดันโลหิตได้เป็นปกติดีกว่าการพึ่งยา
แม้ในทางการแพทย์จะใช้ยาที่ช่วยลดความดันโลหิต แต่ผลการวิจัยกลุ่มอาชีพผู่ช่วยนักลงทุน (Stockbrokers) ในนิวยอร์ก ที่เป็นความดันโลหิตสูง ด้วยการให้เลี้ยงหมาและแมวนั้นพบว่า กลุ่มผู้ที่เลี้ยงสัตว์มีความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจต่ำลงกว่ากลุ่มผู้ที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์
6. สร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
เมื่อคุณได้พาแมวออกไปข้างนอกแล้วไปเจอสังคมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เลี้ยงแมวเหมือนกันหรือผู้คนรอบข้าง ก็จะทำให้เกิดการพูดคุยและเปิดโอกาสตัวเองได้สานสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยจัดการกับความเครียดได้เป็นอย่างดี
7. แมวรับฟังปัญหาได้ดีกว่าคน
บางครั้งการได้พูดระบายหรือบอกเล่าปัญหาให้กับคนที่ไว้ใจได้รับฟังก็จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่อาจจะน้อยกว่าการระบายให้แมวฟัง เพราะพวกมันจะไม่ตัดสินอะไรในตัวคุณได้เลยแม้แต่น้อย และจะรับฟังอย่างตั้งใจ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่าการระบายให้คนฟังในบางครั้ง
แม้ว่าผลจากการวิจัยและทดลองจะปรากฏให้เห็นว่า การเลี้ยงคือส่วนหนึ่งมีช่วยบรรเทาความเครียดจากโรคซึมเศร้าให้ลดลงได้ แต่ก็ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้โรคนี้หายขาดแต่อย่างใด หากใครที่กำลังตกอยู่ในภาวะหรือเป็นโรคซึมเศร้าก็อย่าได้ยอมแพ้นะคะ จงเข้มแข็ง และลองหาแมวมาเลี้ยงให้เป็นเพื่อนคลายเหงาดูสิคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก newswise, Verywell, Bu และ Webmd
เพราะสัตว์ก็คือสัตว์ พวกมันจะไม่สร้างเงื่อนไขหรือเสาะแสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในความสัมพันธ์ ดังนั้นการเลี้ยงแมวจึงทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เป็นเพื่อนยามเหงา ไม่ปล่อยให้ความเครียดมีอิทธิพลสร้างกำแพงแยกเราออกจากสังคม และไม่ทำให้เราต้องคอยกังวลว่าพวกมันจะคิดอย่างไร
2. เพิ่มความรับผิดชอบทำให้มองเห็นคุณค่าในตัวเอง
หลายคนอาจจะคิดว่า ตนเองคงเลี้ยงแมวไม่ได้หรอก เพราะลำพังต้องดูแลตัวเองยากลำบากพออยู่แล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับบอกว่า ความรับผิดชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการดูแลแมวนี่แหละ ที่จะทำให้คุณมองเห็นคุณค่าและความมีสำคัญในตัวเองมากยิ่งขึ้น
3. พาแมวไปเดินเล่น เพื่อสร้างสุขภาพกายและใจให้ดีขึ้น
ถ้าได้เริ่มเลี้ยงแมวหรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ แล้วล่ะก็ เจ้าของจะต้องพาแมวออกไปเดินเล่นนอกบ้านอยู่บ่อย ๆ ซึ่งกิจกรรมนี้จะทำให้เจ้าของได้ออกกำลังกายไปในตัว ทำให้สุภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยให้คุณจัดการกับความเครียดได้ดี และส่งผลให้จิตใจดีขึ้นตามไปด้วย
4. การสัมผัสแมวจะช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้
แม้ว่าคุณจะอารมณ์เสียมาจากไหน แต่ถ้าได้ลูบไล้ขนนุ่ม ๆ ของแมวแล้วก็จะทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งมีอ้างอิงได้จากผลของการวิจัยให้ผู้ชายที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ได้เลี้ยงสัตว์และประเมินผลพบว่า พวกเขารู้สึกทุกข์ทรมานจากอาการของโรคซึมเศร้าน้อยลงเมื่อได้อยู่กับสัตว์เลี้ยง
5. แมวช่วยรักษาระดับความดันโลหิตได้เป็นปกติดีกว่าการพึ่งยา
แม้ในทางการแพทย์จะใช้ยาที่ช่วยลดความดันโลหิต แต่ผลการวิจัยกลุ่มอาชีพผู่ช่วยนักลงทุน (Stockbrokers) ในนิวยอร์ก ที่เป็นความดันโลหิตสูง ด้วยการให้เลี้ยงหมาและแมวนั้นพบว่า กลุ่มผู้ที่เลี้ยงสัตว์มีความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจต่ำลงกว่ากลุ่มผู้ที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์
6. สร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
เมื่อคุณได้พาแมวออกไปข้างนอกแล้วไปเจอสังคมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เลี้ยงแมวเหมือนกันหรือผู้คนรอบข้าง ก็จะทำให้เกิดการพูดคุยและเปิดโอกาสตัวเองได้สานสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยจัดการกับความเครียดได้เป็นอย่างดี
7. แมวรับฟังปัญหาได้ดีกว่าคน
บางครั้งการได้พูดระบายหรือบอกเล่าปัญหาให้กับคนที่ไว้ใจได้รับฟังก็จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่อาจจะน้อยกว่าการระบายให้แมวฟัง เพราะพวกมันจะไม่ตัดสินอะไรในตัวคุณได้เลยแม้แต่น้อย และจะรับฟังอย่างตั้งใจ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่าการระบายให้คนฟังในบางครั้ง
แม้ว่าผลจากการวิจัยและทดลองจะปรากฏให้เห็นว่า การเลี้ยงคือส่วนหนึ่งมีช่วยบรรเทาความเครียดจากโรคซึมเศร้าให้ลดลงได้ แต่ก็ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้โรคนี้หายขาดแต่อย่างใด หากใครที่กำลังตกอยู่ในภาวะหรือเป็นโรคซึมเศร้าก็อย่าได้ยอมแพ้นะคะ จงเข้มแข็ง และลองหาแมวมาเลี้ยงให้เป็นเพื่อนคลายเหงาดูสิคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก newswise, Verywell, Bu และ Webmd
No comments:
Post a Comment