Friday, February 26, 2016

วิลเบอร์ เหมียวท่านั่งแปลก เกิดเป็นแมวแต่นั่งชันเข่าเหมือนคน !




         ไปดูพฤติกรรมสุดแปลกของ วิลเบอร์ (Wilbur) แมวเหมียว 4 ขาที่ชอบนั่งชันเข่าเหมือนคน ไม่เว้นแต่ทาสแมวที่จะรู้สึกงง เพราะแม้แต่เจ้าของยังอึ้งในความแปลกของมันเลย

          ทาสแมวอาจเคยทึ่งในพฤติกรรมแปลก ๆ ของแมว เช่น แมวยืน 2 ขาหรือแมวนั่งเก้าอี้ได้มาแล้ว แต่อาจจะรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าหากได้เห็นพฤติกรรมของเจ้าเหมียว วิลเบอร์ (Wilbur) อดีตแมวเร่ร่อนที่ แกรนท์ โอลสัน (Grant Olson) และ ซาร่า โนซากิ (Sara Nozaki) คู่รักใจบุญรับมาเลี้ยง หลังเจอรูปของมันโพสต์อยู่ในเว็บไซต์ lovemeow เพื่อตามหาเจ้าของ

 
          แม้เจ้าเหมียววิลเบอร์จะมีหน้าตา รูปร่าง และลักษณะเหมือนแมวทั่วไปทุกประการ แต่มีหนึ่งพฤติกรรมที่ทำให้แกรนท์และซาร่าประหลาดใจนั่นก็คือ เหมียววิลเบอร์นั่งชันเข่าเหมือนคนไม่มีผิด นั่นเป็นเพราะว่าความยาวของลำตัวกับขาไม่สมดุลกัน เลยทำให้เจ้าเหมียววิลเบอร์มีท่านั่งแปลก ๆ ที่ไม่เหมือนแมวทั่วไปนั่นเอง

 
          แต่เชื่อว่าเพราะความแปลกนี่แหละที่ทำให้เหล่าทาสแมวเทคะแนนความรักให้เจ้าเหมียววิลเบอร์อย่างล้นหลามเลย




  
ขอขอบคุณข้อมูลจาก lovemeow และ boredpanda
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก อินสตาแกรม snozaki
http://pet.kapook.com/view142349.html

Thursday, February 25, 2016

รู้จัก ฮาจิ เหมียวเซเลบคิ้วแปลก ที่เชื่อว่าเจอแล้วจะโชคดี !



       มารู้จักเจ้าเหมียว ฮาจิ (Hachi) ผู้มีคิ้วคล้ายอักษรเลข 8 ในภาษาญี่ปุ่น แมวเซเลบแห่งเมืองอิบะระกิ ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมความน่ารักของเหมียวนำโชคตัวนี้อย่างไม่ขาดสาย

        เรื่องความเชื่อนี่ไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ  ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่เห็นสัตว์แปลก ๆ แล้วรุมบูชาด้วยความเชื่อว่าจะให้โชคลาภ ที่ญี่ปุ่นก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน โดยที่จังหวัดอิบะระกิ มีเจ้าเหมียวอยู่หนึ่งตัวที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานร้านขายของเล็ก ๆ ในเมืองมิโตะ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องแวะเวียนไปเยี่ยมอยู่เสมอเพราะเหมียวตัวนี้จะนำโชคลาภมาให้

  
        เจ้าเหมียวฮาจิที่ว่านั้นไม่ได้มี 5 ขา หรือ 2 หาง แต่สิ่งที่ทำให้มันโด่งดังจนชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยม เยียนก็คือคิ้ว ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่คิ้วจริง ๆ ของน้องแมวตัวนี้หรอก แต่เป็นแถบขนสีดำบริเวณเหนือตาทั้ง 2 ข้างที่มีลักษณะคล้ายกับอักษรคันจิคำว่า (ฮาจิ) ที่หมายถึงเลข 8 ที่หมายถึงความโชคดีตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นนั่นเอง

 
        ทั้งนี้เจ้าฮาจิได้ลืมตาดูโลกหลังจากเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ในปี พ.ศ. 2554 โยชิ มาเอะดะ (Yoichi Maeda) นักข่าวท้องถิ่นได้เจอมันเข้า จากนั้นก็พาตัวมันไปฝากไว้กับคาโอริ ฮาเซกาวา (Kaori Hasegawa) เจ้าของร้านขายบุหรี่ ให้เลี้ยงไว้ด้วยความหวังว่าเจ้าเหมียวตัวนี้จะนำความโชคดีมาให้และช่วยให้ เศรษฐกิจในชุมชนที่ซบเซาจากภัยพิบัติดีขึ้น ซึ่งหลังจากที่ข่าวเรื่องเจ้าเหมียวฮาจิแพร่กระจายออกไป นักท่องเที่ยวที่มาเมืองนี้ต่างก็แวะมาหาเจ้าฮาจิอยู่ไม่ขาด ซึ่งคนที่มาเยี่ยมเจ้าเหมียวต่างบอกกับคาโอริ ฮาเซกาวา ผู้เป็นเจ้าของว่า หลังจากที่ได้เจอเจ้าเหมียวฮาจิแล้วก็มีสิ่งดี ๆ เข้ามาไปตาม ๆ กัน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก theguardian และ Ruptly TV
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Ruptly TV
http://pet.kapook.com/view142351.html


Tuesday, February 23, 2016

ชมภาพชุด เจ้าเหมียวโคบี้ ดวงตาแบบนี้ ของจริงไม่ใช่ภาพเขียนนะ !




          ชมภาพความน่ารักสะกดใจของเจ้าเหมียวโคบี้ แมวดวงตาสวยที่สุดในโลก ที่ดวงตาของมันสวยงามราวกับภาพเขียน เห็นแล้วหลงใหลใจละลายจริง ๆ ค่ะคุณ ๆ

          หลังจากกระปุกดอทคอมเคยนำเสนอเรื่องราวของเจ้าโคบี้ แมวเหมียวเซเลบที่กำลังขยี้หัวใจคนทั่วโลก ในมุมของเจ้าเหมียวหน้าเหวี่ยงไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา วันนี้ขอนำภาพพัฒนาการความน่ารักของเจ้าโคบี้มาอัพเดทให้ได้ชมเพลิน ๆ กันอีกครั้ง เพราะมันกำลังถูกสื่อต่างประเทศพูดถึงใหม่ในฐานะ "แมวเหมียวที่สวยที่สุดในโลก"


           ก็จะไม่ให้ถูกกล่าวถึงอย่างนั้นได้ยังไง เมื่อเจ้าเหมียวโคบี้ แมวพันธุ์บริติช ชอร์ตแฮร์ ตัวนี้ มีขนขาวสะอาดสวย และที่สำคัญคือมีใบหน้าที่เหมือนภาพเขียนมาก ๆ เพราะทั้งดวงตาและจมูกของมัน ถูกตีเส้นขอบเป็นสีดำชัด คมกริบราวกับถูกบรรจงวาดตวัดด้วยพู่กันยังไงยังงั้น นี่ยังไม่นับรวมดวงตาสีฟ้ากลมสวยของมันอีกนะ เรียกว่าทุกอย่างเพอร์เฟคท์สุด ๆ จนใครที่ได้เห็นภาพมันครั้งแรกจะต้องเพ่งดูอีกที ว่าดวงตาแบบนี้ไม่ได้ถูกตัดต่อหรือแต่งด้วยโปรแกรมใด ๆ ใช่ไหมนี่

          โคบี้เริ่มโด่งดังบนโซเชียลเน็ตเวิร์กตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เมื่อเจ้าของมันได้สร้างอินสตาแกรมส่วนตัวให้กับมัน จนในขณะนี้อินสตาแกรมของเจ้าเหมียวก็มียอดคนติดตามพุ่งพรวด แตะ 280,000 คน ภายในเวลายังไม่ทันจะถึงปี การันตีว่ามันทำให้คนหลงรักได้อย่างมากจริง ๆ ว่าแล้วก็ไปอัพเดทภาพความน่ารักของมันกันเลยดีกว่า








































 

ภาพจาก Coby the Cat
http://pet.kapook.com/view142251.html

Sunday, February 21, 2016

แมวเบงกอล




          ใครที่แอบชอบในความน่ารัก(ไม่นับนิสัยดุ ร้าย) ของเสือ จนอยากเข้าไปกอด หรือมีไว้ในครอบครองดูบ้าง แต่ก็ได้แต่ฝันเพราะหากเป็นเรื่องจริงคงถูกเจ้าเสือขย้ำเอาเสียก่อน ถ้างั้น...  ลองมาดู "แมวเบงกอล" แมว ป่าที่ผสมกับแมวบ้าน จนเกิดลวดลายสวยงาม รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากแมวบ้าน ดูไปดูมาเหมือนลูกเสือดาวน้อย และยังเป็นที่นิยมในหมู่ไฮโซด้วย เพราะสนนราคาต่อตัวค่อนข้างสูง

           ที่สำคัญนิสัยของเจ้าแมวเบงกอลก็ไม่ได้ดุดันอย่างที่กำลังคิดกันด้วยนะ แถมยังเชื่องแสนเชื่อง เป็นมิตร ชอบอยู่กับคน น่ารัก และคล่องแคล่วปราดเปรียว มีนิสัยชอบวิ่งไล่สิ่งของ หรือวัตถุ ชอบปีนป่าย ชอบไล่จับหนู หากไม่มีอะไรให้เล่นก็จะของเล่นด้วยตัวเอง มีเสียงร้องที่ฟังแล้วเหมือนแมวป่าค่อนข้างมาก ส่วนสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าที่คงหลงเหลือให้เห็นอยู่ กลับกลายเป็นลักษณะเด่นของแมวเบงกอล นั่นคือ ความมั่นใจในตนเอง ความกล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว และความเฉลียวฉลาดในการเอาตัวรอด และที่แตกต่างจากแมวเกือบทุกชนิดอย่างมาก คือ แมวเบงกอลมีนิสัยชอบเล่นน้ำอย่างมาก!?!?!

           ทั้งนี้ แมวเบงกอล (Bengal) เป็นแมวที่ผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างแมวดาว (Asian Leopard Cat) กับแมวบ้าน (Domestic Shorthair) ในที่นี้คือ Egyptian Mau คือ พันธุ์แมวอียิปต์โบราณ และมีโครงสร้างเป็นหลายจุด มีลักษณะที่เหมือนแมวป่า (wild cat) ซึ่งการผสมข้ามสายพันธุ์ของแมวดาว กับ E.Mau and Ocicat

           การกำเนิดขึ้นของแมวเบงกอล เริ่มโดยคุณ Jean Mills หญิงชาวมลรัฐอริโซนา ประเทศอเมริกาที่หลงใหลในลวดลายของแมวป่า เธอใช้เวลาถึง 20 ปี (เริ่มมาตั้งแต่ปี 1980 หรือ 2523) ในการพัฒนาให้มีจุด (Spotted ที่ใหญ่และแมวตัวผู้ไม่เป็นหมัน (แมวตัวผู้จะเป็นหมันใน F1 and F2) จนสามารถสร้างจุดให้ใหญ่และมีสีที่ตัดกันในจุดมากขึ้นด้วย และเธอตั้งชื่อสายพันธุ์นี้ว่า เบงกอล ตามชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวป่าที่เรียกกันว่า Felis bengolensis นั่นเอง

ลักษณะประจำพันธุ์

           แมวเบงกอล เป็นแมวขนาดปานกลางถึงค่อนข้าง หัวมีความยาวมากกว่ากว้าง เนื่องเพราะถูกผสมโดยควบคุมลักษณะให้มีรูปร่างคล้ายแมวป่า เพรียว ยาว เห็นมัดกล้ามเนื้อแบบนักล่าชัดเจน โฑดยที่มักจะมีความสูงส่วนสะโพกสูงกว่าความสูงของช่วงไหล่ หาวส่วนมากจะมีปลายชี้ลง ใบหูกลม สั้น ตารูปไข่ (oval) ช่วงโคนหนวดเด่น ช่วงปากและรอบจมูกกลมกว่าแมวบ้าน จุดที่เด่นที่สุดของแมวเบงกอลได้แก่ลายแลีสีขนที่อาจเป็นจุดแบบแมวป่า หรือลายหินอ่อน

           หากเริ่มสนใจจะหาเจ้าเหมียวพันธุ์เบงกอลมานอนกอดสักตัวแล้วล่ะก็ ต้องเลือกซื้อแมวเบงกอลที่มีสายตา ต้อง มีโครงสร้างใหญ่ ลำตัวยาว มีลวดลายบนตัวที่เด่นชัดขนาดเท่าหัวแม่มือ จุดด้านข้างลำตัวมีขนาดใหญ่และเรียงตัวอย่างไม่เป็นระเบียบในแนวนอน แมวเบงกอลบางตัวจะมีลวดลายโรเซ็ทที่เป็นจุดขนาดใหญ่ที่มีสีอ่อนกว่าตรงกลาง จุด คล้ายๆ กับลายของเสือจากัวร์ ซึ่งเป็นที่ต้องการมากกว่าแมวที่มีจุดสีเดียวตามปกติ

           ลายทางที่หน้าผากควรมีสีเข้ามลากยาวในแนวนอนจากหางตาไปถึงใบหู และควรมีเส้นสีเข้มเป็นสร้อยคอยาวรอบๆ คอเฉียบคม ขนเงานุ่ม ใบหน้าของลูกแมวนั้นต้องมีลักษณะที่แสดงถึงความเป็นแมวป่า มีขอบตาดำสนิท เส้นที่ใบหน้าเข้ม ริมฝีปากใหญ่เต็ม มีหางที่หนา มีจุดที่ขาหรือเป็นวงที่ไม่เต็มวงรอบๆขา มีสีอ่อนบริเวณรอบปาก คอ และขาด้านใน ดวงตานั้นสามารถจะเป็นสีเขียว สีทอง หรือสีเหลือง

อาหารและการเลี้ยงดู

           ปัจจุบันแมวเบงกอลเริ่มเป็นที่รู้จักในไทยมากขึ้น แต่อาจยังแพร่หลายเช่นแมวชนิดอื่นๆ เนื่องจากยังมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น เมื่อตัดสินใจซื้อมาแล้ว ควรใส่ใจดูแลอย่างดี ซึ่งวิธีการเลี้ยงก็ใกล้เคียงกับแมวทั่วๆ ไป เพราะถือป็นแมวบ้านเช่นเดียวกับแมวสายพันธุ์อื่น

           แต่ถ้าหากอยากให้แมวสวย สุขภาพดี และมีขนที่สวยงาม การเลือกอาหารที่ดีให้กับแมวนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อาหารสำเร็จรูปที่ดีจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าขนและสุขภาพของแมวนั้นจะสวยที่สุด ส่วนเรื่องของการตัดเล็บ อาบน้ำ แปรงขน เช็ดหู และทำความสะอาดส่วนต่างๆนั้น จะเหมือนกับแมวทั่วๆ ไป

           เรื่องอาหาร แมวเบงกอลอาจจะต้องการเนื้อสัตว์ในปริมาณที่มากกว่าแมวทั่วไปเล็กน้อย โดยผู้เลี้ยงอาจจะให้เนื้อวัวสดวันละครั้งเพิ่มเติมจากอาหารที่กินอยู่เป็น ประจำ ซึ่งจะไม่ทำให้ท้องเสียหรือเสียสุขภาพ เนื้อสดที่ให้ควรระมัดระวังความสะอาดด้วยการแช่แข็งเอาไว้เพื่อป้องกันการ เจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย และควรเก็บเนื้อที่เหลือทิ้งทันที อย่างไรก็ตาม ห้ามให้เนื้อไก่หรือเนื้อหมูสดเด็ดขาด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- thaipost.net
- bangkokbengals.net
http://pet.kapook.com/view170.html