Wednesday, April 29, 2020
เมื่อ ดีซ่าน มาเยือนน้องเหมียว
เมื่อ ดีซ่าน มาเยือนน้องเหมียว (Cat Magazine)
โดย สพ.ญ.ปิยกาญ โรหิตาคนี
หลายครั้งเมื่อน้องเหมียวแสดงอาการป่วยแล้ว อาจจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรือที่เรียกว่า ดีซ่าน ร่วมด้วย จนทำให้เราสงสัยว่า ดีซ่าน เกิดจากอะไรได้....
ดีซ่าน หมายถึง การที่ร่างกายมีลักษณะเหลืองขึ้น อันเป็นผลมาจากสารบิลลิรูบิน สารที่เกิดจากกระบวนการผลิตเม็ดเลือดแดงในตับ ม้าม และไขกระดูก ซึ่งปกติตับจะทำหน้าที่ดูดซับและกำจัดสารบิลลิรูบินนี้ออกไปจากร่างกาย แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายและตับไม่สามารถที่จะจัดการกับสารบิลลิรูบินได้หมด ก็จะทำให้สารนี้เพิ่มสูงจนทำให้ไปสะสมตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย
+ อาการที่พบได้ในน้องเหมียวดีซ่าน
ตัวเหลือง สังเกตได้บริเวณผิวที่ฐานของใบหู
เยื่อตาขาวมีสีเหลือง
เหงือกมีสีเหลือง
มีอาการหายใจลำบาก
อาเจียน ท้องเสีย
เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง
กินน้ำเยอะ ปัสสาวะบ่อย
ท้องกาง
+ สาเหตุของอาการดีซ่านในน้องเหมียว
เกิดจากสาเหตุที่หลากหลายกันออกไป ตั้งแต่เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่อันตรายมากจนถึงอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แบ่งแยกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
Prehepatic Causes : เกิดจากมีการแตกของเม็ดเลือดแดงก่อนที่จะวิ่งเข้าสู่ตับ ซึ่งมีสาเหตุได้จาก
ได้รับการถ่ายเลือด แล้วเกิดปฏิกิริยาเม็ดเลือดแดงแตก
โรคพยาธิหนอนหัวใจ
โรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง และทำลายเม็ดเลือดแดงตัวเอง
การได้รับยาบางชนิด
Hepatic Causes : เกิดจากความผิดปกติที่ตัวตับ ซึ่งมีสาเหตุได้จาก
การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือโปรโตซัว ที่ตับ
ภาวะตับแข็ง
มะเร็งตับ
ตับอักเสบ
ถุงน้ำดีและท่อน้ำดีอักเสบ
มีไขมันแทรกในเนื้อตับมาก
การได้รับยาบางอย่าง เช่น diazeparn (ยาคลายกล้ามเนื้อ) acetaminophen (ยาพาราเซตามอล)
การได้รับสารพิษ เช่น ตะกั่ว สารเคมีที่ใช้กำจัดเห็บหมัด เป็นต้น
Posthepatic Causes : เกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากที่เม็ดเลือดแดงผ่านตับมาแล้ว ซึ่งมีสาเหตุได้จาก
โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดี มะเร็ง หรือถุงน้ำดีอักเสบ
ตับอ่อนอักเสบ มะเร็งของตับอ่อน โรคเกี่ยวกับระบบลำไส้
+ การรักษา
กำจัดสาเหตุหลักคือ โรคที่ทำให้เกิดอาการดีซ่าน เนื่องจากโรคในแมวหลายโรคมักจะทำให้เกิดอาการนี้
ให้ยาเพื่อจัดการอาการต่าง ๆ ที่มี เช่น อาการอาเจียน มีน้ำในช่องท้อง
แมวที่ป่วยหนักหรือมีภาวะขาดน้ำจะต้องได้รับการให้สารน้ำและอิเล็กโทรไลต์
แมวที่มีภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรงจำเป็นต้องได้รับการถ่ายเลือด
ไม่ควรทำให้แมวเกิดความเครียด และต้องพยายามให้แมวได้รับการพักผ่อนมาก ๆ ซึ่งจะเป็นผลดีในการรักษา
ต้องได้รับการจัดการอาหารที่เหมาะสม โดยคำแนะนำจากสัตวแพทย์
สรุปสุดท้ายคือ ถ้าเจ้าของสามารถสังเกตุเห็นอาการดีซ่านของน้องเหมียวได้ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ นั้น ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะวินิจฉัยและประสบความสำเร็จในการรักษาได้มากขึ้น เพราะฉะนั้น อย่ามองข้าม เมื่อเห็นน้องเหมียวตัวเหลือง-ตาเหลือง กว่าปกตินะจ๊ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
https://pet.kapook.com/view14768.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/445786063086321448/
Tuesday, April 28, 2020
ทำอย่างไรดี น้องเหมียวตัวเหลือง
อาการตัวเหลือง หรือที่เรียกกันว่า ดีซ่าน ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะในคนเท่านั้น สัตว์เลี้ยงสี่ขาอย่างเจ้าเหมียว ก็สามารถเป็นโรคตัวเหลืองได้เหมือนกัน แต่ในทางสัตวศาสตร์ เรียกโรค แมวตัวเหลือง นี้กันว่า "โรคฮีโมพลาสโมซีส" หรือ "โรคเลือดจางติดต่อในแมว"
แมวตัวเหลือง เกิดขึ้นได้อย่างไร
สาเหตุของโรค แมวตัวเหลือง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียขนาดเล็กมากชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า "ไมโครพลาสมา" โดยพบว่าเชื้อชนิดนี้มีการระบาดในสุนัขและแมวทั่วโลก แต่สำหรับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคในแมวมี 3 ชนิด คือ
Mycoplasma hemofelis มีขนาดใหญ่ มีความรุนแรงมาก ทำให้เกิดภาวะเลือดจาง
Candidatus Mycoplasma haemominutum ขนาดเล็ก มักไม่ทำให้เกิดภาวะเลือดจาง แต่หากมีการติดเชื้อแทรกซ้อน ก็อาจถึงแก่ชีวิตได้
Candidatus Mycoplasma turicensis ก่อให้เกิดภาวะเลือดจางอย่างรุนแรง เป็นเชื้อที่ค้นพบหลังสุด
ทั้งนี้ มีรายงานว่า 1 ใน 3 ของแมวป่วยตายด้วยภาวะเลือดจางอย่างรุนแรง โดยโรคนี้พบมากในแมวเพศผู้ทุกช่วงวัย เนื่องจากแมวเพศผู้มีพฤติกรรมชอบออกนอกบ้าน และกัดกับแมวอื่น ส่วนความรุนแรงของโรคนั้นจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะเลือดจาง ชนิดของเชื้อ และภาวะทางภูมิคุ้มกันของสัตว์
การติดต่อของโรค แมวตัวเหลือง
หมัด หรือยุง ที่มีเชื้อมากัดแมว
ติดต่อทางเลือด เช่น การให้เลือด การกินเลือดที่ติดเชื้อโดยการกัดกันระหว่างสัตว์ที่เป็นโรคกับสัตว์ปกติ
ติดต่อผ่านทางรก หรือระหว่างการคลอด
อาการของโรค
แมวที่ติดเชื้อมักมีอาการซึม มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เยื่อบุซีด บางครั้งมีสีซีดเหลือง หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว อย่างไรก็ดี แมวบางตัวที่ป่วยอาจไม่แสดงอาการใด ๆ จนกระทั่งตาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตายจากภาวะเลือดจางอย่างรุนแรง
การรักษา แมวตัวเหลือง
โรคนี้สามารถทำการรักษาได้ แต่แมวจะไม่หายขาด ด้วยการให้ยาติดต่อกันนาน 3 สัปดาห์ ซึ่งแมวส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อการรักษาดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากเจ้าของที่ต้องป้อนยาให้ครบตามกำหนดด้วย แต่ในบางกรณีสัตวแพทย์อาจต้องทำการรักษาร่วมด้วย โดยการให้สารน้ำร่วมกับกลูโคส เพื่อปรับสภาพร่างกาย เพราะแมวที่ป่วยด้วยโรคนี้ มักจะซึม กินอาหารและน้ำลดลง
การป้องกันโรค แมวตัวเหลือง
ให้ยาป้องกันหมัดกับแมว เพื่อลดพาหะนำโรค
ให้แมวอยู่ในกรงมุ้งลวด เพื่อป้องกันยุงกัด
หากมีความจำเป็นต้องให้เลือด ควรตรวจแมวที่จะให้เลือดก่อน
ตรวจสุขภาพแมวก่อนที่จะตั้งท้อง เพื่อลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรคนี้จะเป็นโรคที่มีความรุนแรง และมีอัตราการตายสูงในแมว แต่ก็ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อมาสู่คน
อ่านรายละเอียดทั้งหมดจาก
https://pet.kapook.com/view12428.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/747597606891461484/
Sunday, April 26, 2020
เลิกซะ ! แกล้งแมวด้วยแตงกวา ก่อนเหมียวช็อกจนขำไม่ออก
คลิปแมวกระโดดตัวโยนเพราะหันมาเห็นแตงกวา อาจทำให้คนดูหัวเราะกันสนุกสนาน เพราะคิดว่าเหมียวอะไรโก๊ะจริง ๆ โดยหารู้ไม่ว่าเป็นการเล่นที่โหดร้ายมากสำหรับแมวตัวน้อย ๆ
คุณอาจจะขำกลิ้งท้องแข็งเกือบตกเก้าอี้ หลังดูคลิปแมวกระโดดตัวโยนสะดุ้งโหยงตอนหันมาเจอแตงกวา ทาสแมวบางคนอยากรู้เลยเอาไปลองเล่นกับแมวที่บ้านดูบ้าง โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เราเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน มันกำลังทำร้ายความรู้สึกของแมวเป็นอย่างมาก จนเหล่านักวิจัยต้องขอเป็นกระบอกเสียงให้กับแมวว่า อย่าแกล้งกันแบบนี้เลย เพราะสำหรับแมวไม่ใช่เรื่องตลกสักนิด
จอห์น แบรดชอว์ (John Bradshaw) ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของแมวจากมหาวิทยาลัยบริสตอลได้กล่าวว่า คลิปวิดีโอแกล้งแมวด้วยแตงกวานั้นเป็นการส่งเสริมให้ที่ได้ชมคนแกล้งแมวของตนเอง และเชิญชวนให้คนอื่น ๆ มาหัวเราะเยาะแมวของตัวเอง ในขณะที่ ปาล์ม จอห์นสัน–เบนเน็ตต์ (Pam Johnson-Bennett) ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Think Like a Cat ได้กล่าวเสริมว่า การแกล้งแมวด้วยแตงกวาเป็นการกระทำที่โหดร้ายอย่างยิ่ง
ส่วนสาเหตุที่แมวเกิดอาการตกใจเมื่อเห็นแตงกวา จิล โกล์ดแมน (Jill Goldman) นักพฤติกรรมสัตว์จากแคลิฟอร์เนียได้อธิบายว่าเป็นเพราะตามปกติแตงกวาจะถูกเก็บรวมกับอาหารชนิดอื่น ฉะนั้นเมื่อนำมาตั้งบนพื้นเลยทำให้แมวเกิดความสับสน อีกทั้งสีเขียวของแตงกวายังทำให้แมวคิดเชื่อมโยงไปถึงงู เมื่อเจอแบบนี้เลยทำให้แมวพยายามหนีจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งการแกล้งเช่นนี้ยังส่งผลให้แมวเครียดอีกด้วย
เช่นเดียวกับ ดร.โรเจอร์ มักฟอร์ด (Dr Roger Mugford) ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ที่ได้ออกมาอธิบายว่า แมวจะระแวงเมื่อเจอวัตถุที่ไม่รู้คืออะไรและเกิดเหตุการณ์ขึ้นโดยที่แมวไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นแมวอาจแสดงอาการแบบนี้ได้แม้จะเป็นของปลอม เช่น แมงมุมปลอม ปลาพลาสติกปลอม หรือหน้ากากหน้าคน
รู้อย่างนี้แล้วก็ไม่ควรทำตามคลิปวิดีโอกันนะคะพราะแมวของคุณอาจจะตกใจกระโดดจนโดนข้าวของหล่นใส่หรือกลัวจนเกิดภาวะเครียดได้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก telegraph, ationalgeographic และ mentalfloss
https://pet.kapook.com/view135815.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/249809110555667801/
ส่องความน่ารักเจ้านาร์เนีย เหมียวหน้าสองสี น่ารัก น่าฟัด น่าเอ็นดู
ชวนรู้จัก นาร์เนีย (Narnia) แมวเซเลบชื่อดังจากฝรั่งเศส ที่มีขนสองสีอยู่บนหน้า แถมยังแบ่งครึ่งได้ลงตัวเป๊ะ บอกเลยทาสแมวตัวยงต้องห้ามพลาดเด็ดขาด !!
เพราะเราไม่สามารถพบเจอแมวหน้าสองสีกันได้ง่าย ๆ ก็เลยทำให้ "นาร์เนีย" (Narnia) เหมียวน้อยพันธุ์บริติสช็อตแฮร์ (British shorthair) ที่มีขนสองสีอยู่บนหน้า กลายเป็นที่รัก ที่เอ็นดูของคนที่ได้พบเห็นอย่างมาก จนต้องกดฟอลโลแอคเคานต์อินสตาแกรม amazingnarnia และตกเป็นทาสกันอย่างจัง
โดยเจ้านาร์เนียเป็นแมวเพศผู้ อายุประมาณ 2 เกือบ 3 ปี เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2017 ปัจจุบันอาศัยอยู่กับทาสที่ประเทศฝรั่งเศส ลักษณะพิเศษคือ มีขนสีดำ-เทาแบ่งครึ่งอยู่บนหน้าอย่างลงตัวเท่ากันพอดีเป๊ะ จนทำให้มันมีหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู และโดดเด่นสุด ๆ
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เหมียวตัวนี้มีขนสองสีอยู่บนหน้านั้นไม่ทราบแน่ชัด ทว่าเรามักจะเรียกแมวที่มีลักษณะแบบนี้ว่า Chimera Cat หรือแมวที่มี DNA สองรูปแบบในเซลล์เดียว โดยเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในระยะเอ็มบริโอ (Embryos) นั่นเอง
ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นอาการผิดปกติ แต่ด้วยความน่ารัก น่าฟัด ก็ทำให้เจ้านาร์เนียครองใจทาสแมวทั่วโลกและกลายเป็นแมวเซเลบสุดโด่งดัง โดยทาสเจ้าของ สเตฟานี คีเมเนซ (Stephanie Jimenez) เล่าว่า เธอตกหลุมรักตาสีฟ้าแสนหวานของมันตั้งแต่แรกเห็น ฉะนั้นถ้าหากใครอยากรู้ว่าเหมียวตัวนี้น่ารักขนาดไหน แล้วตัวเองจะต้านทานไหวหรือเปล่า ก็ตามมาส่องอิริยาบถต่าง ๆ ของเจ้านาร์เนียไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก อินสตาแกรม amazingnarnia และ boredpanda
https://pet.kapook.com/view220995.html
Thursday, April 23, 2020
สร้างนิสัยในการขับถ่ายให้กับเจ้าเหมียว
สร้างนิสัย...ในการขับถ่าย (โลกสัตว์เลี้ยง)
....แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างปราดเปรียว เป็นนักหนา
ร้องเรียกเหมียว...เหมียว ประเดี๋ยวก็มา เคล้าแข้งเคล้าขาน่าเอ็นดู...
ขึ้นต้นด้วยกลอนแบบนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หรอกนะเพียงแต่เมื่อนึกถึงแมวขึ้นมากลอนบทนี้ก็วิ่งเข้ามาในหัวเลยอดไม่ได้ ที่นำมาให้คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังได้อ่านเพื่อประดับความรู้กันไว้ เพราะเป็นบทกลอนที่อ่านแล้วสามารถที่จินตนาการถึงแมวได้อย่างเห็นภาพ เข้าเรื่องของแมวกันดีกว่าหลายท่านที่เลี้ยงแมวต่างก็ประสบปัญหาเหมือนๆกัน ปัญหาที่สร้างความหนักอกหนักใจให้แก่ผู้เลี้ยงทั้งหลายก็คือเรื่องการขับ ถ่ายของเจ้าแมวเหมียวทั้งหลาย
หากเจ้าเหมียวถ่ายเป็นที่เป็นทางก็ไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากการขับถ่ายของเจ้าเหมียวนั้นนำพามาซึ่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ด้วยแล้ว ถ้าคนที่ไม่รักกันจริงก็อาจจะโดนประทุษร้ายได้เป็นแน่แท้ แต่จะทำอย่างไรล่ะที่จะให้เจ้าแมวเหมียวของเราสามารถที่จะขับถ่ายได้เป็นที่เป็นทาง
สุขาของเหมียวเป็นที่ทราบกันว่าสุขาของเจ้าเหมียวก็คือกระบะทรายนั่น เอง กระบะทรายของเจ้าเหมียวมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้านเพราะ จะใช้เป็นที่ขับถ่ายสำหรับเจ้าเหมียว ซึ่งทรายที่ใช้จะมีอยู่หลายชนิด หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่าการที่ท่านปล่อยให้ทรายมีกลิ่นเหม็นนั้นเป็นหนึ่ง สาเหตุของโรคทางเดินหายใจแมวซึ่งจะเป็นปัญหาที่รบกวนสุขภาพของเจ้าเหมียวทำให้เค้ามีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงอย่างที่ควร ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงทรายอนามัยกัน
ก่อนอื่นเรามาความรู้จักกันก่อนว่าทรายอนามัยมีลักษณะอย่างไร ทรายอนามัยโดยรวมแล้วจะมีคุณสมบัติโดยรวมคือ ช่วยลดปัญหากลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ และมีคุณสมบัติในการดูดซับที่ดี
ทรายอนามัยมี 2 แบบ คือ ทรายแบบที่จับตัวเป็นก้อน กับแบบที่ดูดซับแต่ไม่จับเป็นก้อน
ทรายแบบไม่จับตัว ทรายชนิดนี้จะเป็นทรายที่มีคุณสมบัติในการดูดซับที่ดี เวลาโดนน้ำจะไม่ละลายแต่จะดูดซับเอาไว้ ทรายชนิดนี้ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเลยอย่าเสียดาย เพราะ ถึงแม้ว่าทรายจะแห้งแล้วแต่กลิ่นจะยังคงอยู่ การเอาทรายไปตากแดดจะช่วยให้กลิ่นที่มีอยู่ระเหยออกไปได้บ้างแต่ไม่หมดซะที เดียว อาจจะ เป็นการยืดอายุการใช้งานได้ หรือบางคนอาจจะล้างทรายแต่เมื่อทรายดูดซับกลิ่นไว้ในเนื้อทรายแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะล้างได้สะอาด เมื่อทรายหมดอายุการใช้งานแล้วก็ควรที่จะเปลี่ยนดีกว่าเพราะเรื่องกลิ่นจะ ได้ไม่ตามมารบกวนให้เป็นที่หนักใจ
ทรายอนามัยชนิดจับตัวเป็นก้อน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าจับตัวเป็นก้อน หมายถึงเมื่อโดนน้ำ(ปัสสาวะ) ทรายก็จะละลายมารวมกัน แล้วเราก็สามารถตักเอาเฉพาะส่วนที่จับเป็นก้อนทิ้ง ทำให้ปัญหาเรื่องกลิ่นอันไม่พึงประสงค์หายไปเลย เพราะกลิ่นออกไปพร้อมกับทรายก้อนที่คุณตักทิ้งไป แล้วเราก็เติมทรายเพิ่มเข้าไปเมื่อทรายในถาดลดลง ทรายประเภทนี้ไม่ค่อยเหมาะกับแมวที่ชอบเล่นน้ำ หรือลูกแมวที่ซนมาก ๆ เพราะเมื่อแมวเปียกแล้วไปย่ำทราย ก็จะทำให้ทรายละลายมาติดขาติดขนนุงนังไปหมด ปัญหาที่ตามมาอีกก็คือบ้านสกปรกเพราะทรายจากฝ่าเท้าของเจ้าเหมียวนั่นเอง
ถึงแม้ว่าทรายทั้งสองแบบนี้มีคุณสมบัติที่ต่างกัน หลายคนคิดว่าถ้านำมารวมกันคุณสมบัติที่แตกต่างกันจะเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อนำมาผสมกันจะทำให้เป็นทรายที่ด้อยคุณภาพไปเลย เพราะทรายแต่ละชนิดจะทำปฏิกิริยาได้ไม่เต็มที่
เมื่อได้ทราบถึงคุณสมบัติของทรายอนามัย แล้วเราจะทำอย่างไรให้เจ้าเหมียวฝึกใช้กระบะทรายอย่างเป็นนิสัย ถ้าแมวเคยถ่ายนอกบ้านแล้วเราอยากให้เค้าขับถ่ายเป็นที่ ให้ตักเอาดินส่วนที่เค้าถ่ายไว้เล็กน้อย โรยลงบนกระบะทรายที่เตรียมไว้ หรือถ้าแมวขับถ่ายในบ้านอยู่แล้วแต่ขับถ่ายไม่เป็นที่ ให้ตามไล่ทำความสะอาดที่ต่าง ๆ ที่เค้าไปทิ้งกลิ่นไว้ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือน้ำยาดับกลิ่น อย่าให้เหลือรอดแม้แต่นิดเดียว ตามด้วยฉีดน้ำหอมหรืออะไรก็ได้ที่กลิ่นแรง ๆ แมวจะไม่ชอบ แต่อย่าลืมเก็บกลิ่นของเค้าไว้ก่อนซักหน่อยโดยการใช้ทิชชู่ซับหรือเก็บสิ่ง ที่เค้าขับถ่ายออกมา ใส่ลงในกระบะทรายเล็กน้อย เมื่อเค้าได้กลิ่นก็จะมาเอง ถ้าไม่แน่ใจก็ขังกรงไว้ก่อน
กรงที่ใช้ก็ควรจะเป็นกรงที่ใหญ่พอที่จะใส่กระบะทรายได้ เมื่อแมวใช้กระบะทรายเป็นกิจวัตรแล้ว เป็นอันว่าวางใจได้ อาจจะไม่เป็นการยากเกินไปนักที่จะทำการฝึกฝนเจ้าแมวเหมียวให้ถ่ายเป็นที่เป็นทาง สิ่งที่ควรจะต้องคำนึงและเจ้าของควรให้ความร่วมมือกับเจ้าเหมียวด้วยก็คือ ต้องคอยหมั่นดูแดความสะอาดของกระบะทรายด้วยเพราะหากว่ากระบะทรายของเค้ามี กลิ่นเหม็นเค้าอาจจะไม่ขับถ่ายก็เป็นได้ ลองเปรียบเทียบกับคนเราถ้าเราเข้าห้องน้ำแล้วห้องน้ำสกปรกเราอยากที่จะเข้า ไหม เพราะแมวก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน
เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ : ไม่ควรใช้น้ำยาล้างทำความสะอาดกระบะที่มีกลิ่นแรง ๆ เพราะถ้าล้างไม่หมด แมวได้กลิ่นก็จะไม่ชอบใจอีกเช่นกัน ใช้เพียงน้ำเปล่าล้างให้สะอาดก็เพียงพอ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://pet.kapook.com/view16440.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/527765650083329918/
Tuesday, April 21, 2020
วิธีเพิ่มความเข้มให้เส้นขนของเจ้าเหมียว
เหมียว (ไม่) ย้อมสี (Cat Magazine)
เรื่อง : สพ.ญ.พิไลพร กรองแก้ว
"อุ๊ย!...หมอมีผมหงอก" เป็นคำอุทานของผู้ช่วยสัตวแพทย์ที่ทำงานร่วมกับหมออยู่ทุกวัน ได้ยินแล้วสะดุ้งโหยงนึกใจแป้วทันทีว่า...เราแก่แล้วหรือนี้... คนเราเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ สีของผมจะค่อย ๆ จางลง จากสีดำกลายเป็นสีเทา แล้วกลายเป็นสีขาวจนหมดทั้งศีรษะใครที่ใจยังวัยรุ่นจะต้องรีบแสวงหายาย้อมผม ครีมเปลี่ยนสีผมกันยกใหญ่ รุ่นคุณย่าต้องยี่ห้อบีเง็น รุ่นคุณอาต้องยี่ห้อออด๊าซ รุ่นคุณพี่ต้องยี่ห้อลอรีออล ก็แล้วแต่จะทดลองนำมาใช้ดูให้ถูกใจ ย้อมผมให้สีดำเงางาม หรือเพิ่มสีใฮไลท์แบบทองประกายแสด แต่ตอนนี้หมอมีผมหงอกแค่สองสามเส้นคงยังไม่พึ่งยาย้อมผม แต่เราจะมาเปลี่ยนสีผมให้ดำเงาจากภายในร่างกายกันดีกว่า เจ้าเหมียวก็ทำได้นะจ๊ะ
ใครที่เลี้ยงแมวก็อยากให้แมวของตนเองมีหุ่นดีและมีขนสวยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแมวลายจุด แมวเก้าแต้ม หรือจะเป็นแมวสามสี สีขนต้องดูเด่นสะดุดตา... นั่นน่ะสิ... เราจะทำอย่างไรให้แมวของเรามีสีขนที่สวย ดูเข้ม เด่นสมกับสายพันธุ์นั้นๆ โดยไม่ต้องพึ่งพายาย้อมสีขน...
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า ร่างกายของแมวแต่ละสายพันธุ์จะมีสีขนลายขนที่แตกต่างกันไปจากความแตกต่างทางด้านพันธุกรรม เราเพียงเป็นคนช่วยหาสิ่งมาเสริมทำให้แมวของเรามีสีขนที่ดูสด เข้มขึ้นได้ด้วยตัวของแมวเองขนแมวมีสีได้นั้นเกิดเนื่องจากมีสารให้สี (รงควัตถุ) ร่างกายแมวจะสร้างสารให้สีได้จากกรดอะมิโน (หน่วยย่อยของโปรตีน) ที่ชื่อ Tyrosine ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารให้สี 2 ชนิด คือ Pheomelanin (สารให้สีเหลืองถึงสีแดง) และ Eumelanin (สารให้สีน้ำตาลถึงสีดำ) ลองค่อย ๆ นึกตามกันดูนะจ๊ะ ถ้าร่างกายมี Tyrosine มาก จะสร้างสารให้สี Pheomelanin และ Eumelanin ได้มาก ดังนั้นจะทำให้สีขนเพิ่มมากขึ้น จากเคยดำก็จะดูดำเข้มมากขึ้น จากเคยแดงจะดูแดงสดมากขึ้น
นอกจากนี้แล้ว Tyrosine ยังช่วยเพิ่มการผสมติดในแมวได้ด้วย เพราะ Tyrosine เป็นสารตั้งต้นของการสังเคราะห์ฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมน Dopamine Noradrenalin Adrenalin ซึ่งช่วยในการทำงานของสมมองและอวัยวะสืบพันธุ์
ทำอย่างไรให้ร่างกายของแมวมี Tyrosine ได้ล่ะ... เฉลยได้จากอาหารที่แมวหม่ำกินเข้าไปโดยตรง และจากการสังเคราะห์ขึ้นโดยร่างกายของแมวเองจากกรดอะมิโนจำเป็นคือ Phenylalamine นั่นหมายความว่า ถ้าแมวได้กินอาหารที่มี Tyrosine จะทำให้แมวมีสีขนที่สด เข้มขึ้น แหล่งอาหารที่มี Tyrosine อยู่มาก คือ น้ำนม ผลิตภัณฑ์จากนม และจากข้าวเจ้า ซึ่งเป็นพืชชนิดเดียวที่มี Tyrosine ในปริมาณที่ตรวจพบได้
ขอเสริมอีกว่า เจ้า Tyrosine ไปเป็นสารให้สี 2 ชนิดที่กล่าวในข้างต้น นั่นหมายความว่า ต้องให้แมวกิน Tyrosine ควบคู่กับทองแดงจะเป็นการดียิ่งขึ้นเพื่อให้เกิดสารให้สีให้มีได้มากขึ้น แหล่งอาหารที่มีทองแดงสูง คือ จำพวกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อเป็ด เนื้อแกะ และจำพวกเมล็ดพืช เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ถั่วแขก
ดังนั้นใครที่อยากให้แมวของท่านมีสีเข้ม สีสด ดูเด่นชัด จึงต้องบำรุงให้อาหารจำพวก ข้าวเจ้า นม ถั่วสามชนิดข้างต้น เนื้อหมู เป็ด และแกะ แต่หากในแมวที่กินแต่อาหารเม็ดท่านต้องดูส่วนประกอบบนฉลากข้างถุงอาหารว่ามีส่วนประกอบของอาหารเหล่านี้หรือไม่ แต่ถ้าอยากรู้แบบแน่ชัดท่านต้องลองโทรไปถามศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าของอาหารยี่ห้อนั้นๆ สูตรอาหารนี้ทำให้หมอนึกถึงว่ามันคุ้นๆ คล้ายกับการเลี้ยงนกกรงหัวจุก ที่ต้องเลี้ยงให้ขนนกตรงลำตัวดูดำเข้ม ที่กันกับแก้มต้องสีแดงสด สูตรอาหารจะต้องเริมข้าวเจ้า และถั่วเหลือง (สูตรทางภาคใต้จะคลุกเคล้ากับพริกแกงด้วยเพื่อให้ร้องเสียงดังดี)
แต่ตัวอย่างที่ชัด ๆ ใกล้ตัวหน่อย ก็เจ้าแมวไทยวิเชียรมาส (Siamese cat) ซึ่งมีลักษณะเก้าแต้มตรง ปาก จมูก หู เท้า ปลายหาง จะมีสีเข้มตัดกับสีที่ลำตัว และใบหน้า ท่านใดอยากให้แมวไทยของท่านมีสีเก้าแต้มที่ชัดขึ้นก็ต้องเสริมอาหารที่มี Tyrosine กับทองแดงสูง เคยสงสัยไหมล่ะว่าทำไมแมววิเชียรมาส จึงมีสีเข้มเฉพาะจุดที่จะเข้มได้ ทำไมไม่เข้มทั้งตัวเมื่อเราเสริมอาหารที่มี Tyrosine สูง นั่นเป็นเพราะว่า บริเวณหัว เทาและปลายหางเป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ เอนไซม์ Tyrosinase จะทำงานเปลี่ยน Tyrosine ให้เป็นสารให้สีได้ดีกว่าในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง เช่น สะโพก หน้าท้อง และหลังซึ่งมีสีที่อ่อนกว่า นั่นจึงเป็นเอกลักษณ์แบบแมวไทย
แมวไทยนั้นควรจะอนุรักษ์ไว้เพราะเป็นแมวพันธุ์แท้ประจำชาติไทย เลี้ยงให้ดีกินอาหารที่ดีมีสารอาหารครบถ้วน ขนก็จะสวย สีสวยมีเก้าแต้มเด่นชัด สวยพอฟัดพอเหวี่ยงกับแมวฝรั่ง จำพวกแมวเปอร์เซีย แมวลายหินอ่อน แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ ก็แล้วแต่ใครจะชอบแมวขนสวยแบบไหน
แมวไทยแท้ ๆ เริ่มหาเลี้ยงยาก และมีราคาสูง บางตัวตั้งราคาค่าตัวสูงกว่าแมวเมืองฝรั่งเสียอีก จึงต้องระวังของปลอมกันหน่อยนะจ๊ะ ที่เลี้ยงไปเลี้ยงมาอัดอาหารเสริมที่มี Tyrosine สูงๆ ก็แล้ว แต่ทำไมสีขนไม่เป็นเก้าแต้มชัดอย่างที่หวัง นั่นเพราะเจอแมวปลอมที่ถูกจับมาย้อมสีขายอย่างไรเล่า...จึงแอบว่าแมว เป็นหนังเหมียวย้อมสี และแอบว่าคนขาย เป็นพวกย้อมแมวขายส่วนเราก็งงทำหน้าแบ๊ว แป๋วแหววเหมือนแมวไปเลย...
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://pet.kapook.com/view38391.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/825777281659936211/
Friday, April 17, 2020
โรค FIP ภัยเงียบคุกคามเจ้าเหมียว
โรค FIP เกิดขึ้นได้อย่างไรคะ
คุณหมอ : โรคเยื่อบุช่องท้องและช่องอกอักเสบ หรือ FIP เกิดมาจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โคโรนาไวรัส (Corona virus) โรคนี้สามารถเกิดได้ 2 ลักษณะคือ แบบมีของเหลวสะสม และแบบไม่มีของเหลวสะสมโดยจะพบได้มากในแมวที่มีอายุน้อยและมีการเลี้ยงรวมกันอย่างหนาแน่นครับ
เราสามารถสังเกตได้อย่างไรว่า แมวที่เราเลี้ยงอยู่เป็นโรคเยื่อบุช่องท้องและช่องอกอักเสบ
คุณหมอ : อาการของแมวที่เป็นโรคนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะโรคที่เป็นครับ แมวที่เป็นโรค FIP แบบมีของเหลวสะสม จะพบว่าแมวจะเริ่มซึม ทานอาหารน้อยลง ตัวร้อน ถ้าเจ้าของเปิดดูเหงือกอาจพบว่ามีลักษณะสีขาวซีดหรือมีสีเหลือง ท้องแมวอาจมีการกางขยายใหญ่คล้ายแมวท้อง ในแมวบางตัวอาจพบว่ามีอาการหายใจลำบาก และหายใจเร็วร่วมด้วย ในขณะที่แมวที่เป็นโรค FIP แบบแห้งมักสังเกตอาการได้ยากกว่า เนื่องจากแมวมักมีอาการไม่เฉพาะเจาะจง เช่น มีไข้นิดหน่อย เบื่ออาหาร ดูซึม ๆ ลง หากแมวมีอาการรุนแรงอาจพบว่าเหงือกมีสีเหลืองร่วมกับหายใจลำบากและหายใจเร็วร่วมด้วยครับ
แล้วแมวที่เป็นโรคนี้มีวิธีการรักษาไหมคะ?
คุณหมอ : น่าเสียดายจริง ๆ ที่โรคนี้ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดวิธีการรักษาในปัจจุบันเป็นการรักษาเพื่อประคองอาการ และพยุงอาการให้เจ้าเหมียวสบายขึ้นมากกว่า เช่น การให้ยาลดอักเสบประเภทสเตียรอยด์เพื่อช่วยลดการสะสมของของเหลวในอกและท้องช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ในกรณีที่เจ้าเหมียวมีการสะสมของเหลวในช่องอก และช่องท้องเป็นปริมาณมาก อาจพามาทำการเจาะดูดของเหลวออก เพื่อช่วยให้เจ้าเหมียวหายใจได้สะดวกสบายขึ้นครับ
โรคนี้สามารถติดกับตัวอื่นได้หรือเปล่า ถ้าติดต่อ ติดได้ทางไหนบ้างคะ
คุณหมอ : ที่จริงแล้วการติดต่อในโรคนี้ยังไม่ทราบกลไกการติดต่ออย่างแน่ชัด แต่ปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อโคโรนาไวรัสจากลักษณะปกติให้มีความรุนแรงมากขึ้นในตัวของแมวแต่ละตัว ซึ่งแต่ละตัว ก็จะมีการตอบสนองต่อเชื้อไวรัสไม่เท่ากัน ดังนั้น แมวที่ได้รับเชื้อโคโรนาไวรัส แล้วไม่มีการกลายพันธุ์ อาจจะไม่ทำให้เกิดโรค FIP ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการหลีกเลี่ยงที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงไม่ให้แมวได้รับเชื้อโคโรนาไวรัสเลย ซึ่งโคโรนาไวรัสสามารถติดต่อไปสู่แมวตัวอื่นได้ทางการเลียขนให้กัน กินน้ำข้าวถ้วยเดียวกันหรือ การใช้กระบะทรายร่วมกันก็สามารถติดกันได้ครับ
เราสามารถฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้ได้หรือเปล่าคะ
คุณหมอ : ปัจจุบันการใช้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้ยังไม่ได้ผลในการป้องกันอย่างแน่ชัด จากการทดลองพบว่าอัตราการป้องกันโรคโดยการทำวัคซีนในแมวมีความแปรผันตั้งแต่ที่ 0-75 % ในกรณีที่ต้องการทำวัคซีน แมวควรที่จะยังไม่ได้รับเชื้อโคโรนาไวรัสมาก่อน กรณีที่แมวเคยได้รับเชื้อมาแล้ว การทำวัคซีนจะไม่ช่วยป้องกันโรคสำหรับแมวที่ต้องการทำวัคซีน จะเริ่มเข้มแรกที่อายุประมาณ 4 เดือน และอีก 3 สัปดาห์ค่อยกระตุ้นวัคซีนซ้ำอีก 1 ครั้ง จากนั้นจึงทำการให้วัคซีนกระตุ้นโรคในทุก ๆ ปีครับ
แมวที่มีอาการของโรค FIP แล้ว โดยทั่วไป จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนานไหมคะ
คุณหมอ : แมวที่เป็นโรค FIP และมีอาการของโรคแล้ว โดยทั่วไป พบว่าอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9 วัน หลังจากตรวจพบโรคครับ
สรุป
โรค FIP หรือโรคเยื่อบุช่องท้องและช่องอกอักเสบ เกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัส ซึ่งแมวที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มีแค่บางส่วนเท่านั้นที่จะเกิดการพัฒนาต่อไปเป็นโรค FIP ต่อได้
แมวเด็กอายุน้อย การเลี้ยงแมวกันอย่างหนาแน่น และความเครียดในแมวจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาของโรคไปเป็นโรค FIP ได้ โดยพบว่าแมวที่เลี้ยงอยู่ภายในบ้านตัวเดียวเลี้ยงแบบอิสระการเกิดโรคนี้น้อยที่สุด
โรคนี้เป็นโรคที่มีความรุนแรงและมีอัตราการรอดชีวิตค่อนข้างต่ำ โดยอายุขัยเฉลี่ยของแมวที่เป็นโรคหลังจากที่ตรวจเจออาการอยู่ที่ประมาณ 9 วัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://pet.kapook.com/view20740.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/747597606892178072/
Subscribe to:
Posts (Atom)