Sunday, December 29, 2019

เยส! ชวนเจ้าเหมียวไปออกกำลังกายเพื่อฟิตหุ่นกันดีกว่า


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ถึงแม้เจ้าเหมียวขนฟูแสนน่ารักจะเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงตัวน้อยในบ้านคุณ แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องได้รับการดูแลที่ดีเช่นกัน ดังนั้น นอกจากอาหารที่คุณให้ทุกวันแล้ว พวกมันก็ต้องการการออกกำลังกายด้วยเหมือนกัน เพราะการออกกำลังกายไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความอยากอาหาร และช่วยควบคุมน้ำหนักให้กับเจ้าเหมียวของคุณอีกด้วย ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราก็มาศึกษาวิธีการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของเจ้าเหมียวกันดีกว่านะคะ

1. ตามสัญชาตญาณของเจ้าเหมียวแล้ว ชอบที่จะผู้ล่า ดังนั้นคุณจึงควรหาของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเคลื่อนไหวได้มาหลอกล่อพวกมันซะก่อน อย่างเช่น ม้วนไหมพรม ม้วนกระดาษทิชชู่ หรือตุ๊กตามาใช้เป็นเหยื่อล่อ เพื่อเรียกเจ้าเหมียวให้ออกมาเล่นกับคุณ นอกจากนี้คุณอาจจะใช้กล่องกระดาษใบใหญ่ ๆ เพื่อนำมาทำของเล่นสำหรับเจ้าเหมียวก็ได้ เพราะเชื่อเลยว่า เจ้าเหมียวเกือบทุกตัวในชอบกล่องแน่นอน ไม่เชื่อลองกลับบ้านไปสังเกตพฤติกรรมเจ้าเหมียวดูนะ

2. หากใช้วิธีแรกไม่ได้ผลก็อาจจะเตรียมใบแคทนิป ผงแคทนิป หรืออาหารสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของแคทนิป ซึ่งมีกลิ่นคล้าย ๆ กับใบสาระแหน่มาใช้ ก็จะสามารถเรียกเจ้าเหมียว มาหาคุณได้ง่ายขึ้น เพราะหากเจ้าเหมียวได้กลิ่นของพืชชนิดนี้เมื่อไหร่ ก็จะเกิดอาการเคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลาย และอารมณ์ดีสุด ๆ ดังนั้นแค่คุณมีแคทนิปอยู่ในมือ การชวนเจ้าเหมียวมาออกกำลังกายก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วล่ะ

3. หากที่บ้านของคุณเป็นพื้นที่โล่ง ๆ ไม่มีอะไรให้แมวปีนป่าย และก็ไม่อยากให้เจ้าเหมียวกระโดดขึ้นไปลับเล็บบนเฟอร์นิเจอร์ของคุณ ก็อาจจะใช้คอนโดแมวมาสร้างเป็นพื้นที่ส่วนตัวให้กับเจ้าเหมียวของคุณก็ได้ เพราะคอนโดของแมวนั้นมีหลากหลายระดับให้เจ้าเหมียวกระโดดเล่นได้ตามใจเลย และก็ยังสามารถเป็นที่ลับเล็บของพวกมันได้ด้วยนะ


4. ถ้าไม่อยากให้เจ้าเหมียวเล่นเหงา ๆ ตัวเดียวตามลำพัง ก็อาจจะพามันไปเล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือแมวตัวอื่นของคุณก็ได้ เพราะแมวด้วยกันย่อมเข้าใจความต้องการของกันและกันได้มากกว่าเจ้าของอยู่แล้ว

5. คุณอาจจะเคยเห็นเจ้าเหมียวอ้วนตุ๊ต๊ะน่ารักดี แต่หุ่นแบบนั้นไม่ดีสำหรับเจ้าเหมียวเลย เพราะเหล่าไขมันในร่างกายเป็นสาเหตของสารพัดโรคเลย ทั้งโรคนิ่ว โรคระบบหายใจ และโรคกระดูกเสื่อม ทางที่ดีให้พวกมันน่ารักแบบหุ่นพอดี ๆ อย่างที่พวกมันควรจะเป็นดีกว่า ด้วยการลดอาหารประเภทไขมัน และคาร์โบไฮเดรต แต่เพิ่มอาหารจำพวกโปรตีน และไฟเบอร์แทน นอกจากนี้คุณก็อาจจะจับเจ้าเหมียวไปฝึก โดยเริ่มจากการให้เจ้าเหมียวเดินจากฝั่นตรงข้ามมาหาคุณก็ได้

6. การให้อาหารเจ้าเหมียวแบบปกตินั้น อาจจะธรรมดาเกินไป เพราะเจ้าเหมียวคงไม่ได้ออกกำลังสักเท่าไหร่ ดังนั้นคุณก็อาจจะเพิ่มระดับความยากเข้าไปอีก โดยการสอดอาหารเข้าไปวางไว้ในของเล่น เพื่อให้เจ้าเหมียวได้ฝึกทั้งกำลังกาย และกำลังสมองด้วย

นอกจากนี้ของแต่ละชิ้นที่คุณเลือกมานั้น ไม่ควรจะเลือกของที่มีจุดสะท้อนแสง เพราะแสงเหล่านั้นอาจจะเข้าไปทำลายระบบประสาทตาของเจ้าเหมียวได้ ดังนั้นก็เลือกของพื้นผิวเรียบ และไม่มีจุดสะท้อนแสงดีกว่า นอกจากนี้ก็อย่าลืมควบคุมปริมาณอาหารด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดี และหุ่นสลิมสวยถูกใจเจ้าเหมียวยังไงล่ะ


https://pet.kapook.com/view49240.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/14355292553962358/

Saturday, December 28, 2019

เตรียมตัวน้องเหมียว...เที่ยวรับลมร้อน



เตรียมตัวน้องเหมียว...เที่ยวรับลมร้อน (Cat Magazine)
เรื่อง : น.สพ.กมล ภาคย์ประเสริฐ


           ใครเคยพาแมวออกไปเที่ยวนอกบ้านกันบ้างครับ หากคุณกำลังเตรียมตัวจะไปพักร้อนแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรกับแมวที่บ้านดี ทิ้งไว้ก็เป็นห่วง จะเอาไปฝากไว้ที่อื่นก็กลัวแมวจะเครียด สุดท้ายตัดสินใจจะพาน้องเหมียวไปเที่ยวด้วยกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ผมมีทางออกให้ครับ กับ 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการเตรียมตัวพาแมวไปเที่ยว เพื่อให้คุณและเขาได้มีประสบการณ์ดีๆ ร่วมกัน เรามาร่วมวางแผนวันหยุดสุดวิเศษกันเลยดีกว่าครับ


ขั้นที่ 1 กางเกราะป้องกันโรค

           ไปเที่ยวทั้งที คงไม่อยากได้ของแถมเป็นโรคอะไรกลับมาใช่ไหมครับ ตรวจสอบสมุดวัคซีนของแมวที่บ้านคุณให้ดีว่ามีวัคซีนอะไรที่จำเป็นแล้วยังไม่ได้ทำอีกหรือไม่ รวมถึงควรหยอดยาป้องกันหมัดให้น้องเหมียวสุดรักของเราด้วย สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้หากแมวของคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน คุณควรต้องเตรียมยาของเขาให้พร้อม...ว่าแล้วก่อนออกเดินทาง 1 ถึง 2 สัปดาห์ ก็อย่าลืมแวะเวียนไปหาสัตวแพทย์ประจำตัวก่อนนะครับ


 ขั้นที่ 2 เตรียมพร้อมกับการเดินทาง

           ปัญหาแมวเมารถพบได้น้อยกว่าในสุนัขมาก ดังนั้นปัญหาส่วนใหญ่ในการเดินทางจึงเป็นอาการตื่นกลัวเวลาขึ้นรถ หรือเวลาขึ้นเครื่องบินแล้วต้องแยกจากเจ้าของไปอยู่เพียงลำพง การให้ยาคลายความกังวลหรือยาซึมจะช่วยได้มากหากจำเป็น แต่คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนโดยเฉพาะในแมวที่อายุมากหรือมีปัญหาเรื่องสุขภาพอยู่การบำบัดอาการตื่นกลัวการเดินทางในแมวสามารถทำได้หลายวิธี ถ้าอาการตื่นกลัวยังมีน้อยและเจ้าของจะเดินทางโดยรถส่วนตัว ผมขอแนะนำตามนี้ครับ

           สร้างเงื่อนไขทางความคิดบวกกับกระเป๋าหรือกรงที่ใช้ในการเดินทาง โดยใส่ขนม หรือของเล่นที่แมวชอบไว้ในกรง เปิดฝากรงทิ้งไว้ให้แมวจะเข้าหรือออกกรงเมื่อไหร่ก็ได้อย่างอิสระ ถ้าแมวเริ่มคุ้นเคยค่อยปิดฝากรงหรือกระเป๋าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในระหว่างที่แมวกำลังสนใจกับขนมหรือของเล่นที่อยู่ในกรง ระยะเวลาที่ปิดฝาจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นวันละนิด

           หาจุดที่แมวกลัวในการเดินทาง เช่น หากแมวเริ่มออกอาการกลัว ตั้งแต่เจ้าของเริ่มสตาร์ทรถ ให้เจ้าของลองฝึกเอาแมวใส่กระเป๋าเข้ารถในขณะที่รถจอดอยู่ในโรงจอดรถเฉยๆ โดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่องก่อนหน้านั้นก็ให้พ่นกลิ่นฟีโรโมนสังเคราะห์ไว้ในรถสัก 2 ถึง 3 นาที ก่อนที่จะยกกระเป๋าขึ้นรถ ยกลงจากรถในเวลาไม่นานก่อนที่แมวจะเกิดอาการเครียด ค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาให้นานขึ้นวันละนิด

           เริ่มสตาร์ทรถ ลองสังเกตอาการของแมวดู หากเริ่มเกิดความเคยชินลองขับรถถอยหน้าถอยหลังเป็นระยะทางสั้นๆ ก่อนจะยกกระเป๋าออกจากรถ การฝึกในครั้งหลังๆ ให้ลองขับรถออกจากบ้านเป็นระยะทางสั้นๆ ค่อย เพิ่มระยะทางในการเดินทางให้มากขึ้นในการฝึกแต่ละครั้ง จนแมวเกิดความเคยชินและไม่ตื่นกลัวกับการเดินทาง

           ในการเดินทางจริง อย่าลืมเตรียมขนม ของเล่น และฟีโรโมนสังเคราะห์ไว้ เพราะจะช่วยให้แมวรู้สึกผ่อนคลายในขณะเดินทางได้มากทีเดียว
          
           "ข้อตกลงที่สำคัญที่สุดในการพาแมวไปเที่ยว โดยเฉพาะแมวที่ตื่นกลัว คือ เจ้าของห้ามเปิดกรงหรือกระเป๋าสำหรับการขนย้ายระหว่างการเดินทางอย่างเด็ดขาด" แมวที่กำลังตื่นกลัวอาจตัดสินใจกระโดดออกทางหน้าต่างรถ หรือกระโดดออกมาจากกระเป๋าระหว่างกำลังลำเลียงขึ้นเครื่องบินได้ หากต้องการปลอบแมว แนะนำให้เพียงเอามือยื่นเข้าไปในกรงแล้วเรียกชื่อแมวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเพื่อให้แมวรู้สึกสงบ หากเจ้าของต้องการเอาแมวออกจากกรงตอนอยู่ในรถก็ห้ามเปิดกระจกหน้าต่างโดยเด็ดขาด เพราะขณะเดินทางอาจมีเสียงจากภายนอกรบกวนให้แมวตื่นตกใจได้ตลอดเวลา และห้ามปล่อยแมวมานั่งอยู่กับคนขับขณะขับรถ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

           ตรวจสอบสภาพกรงหรือกระเป๋าเดินทางว่ามีความแน่นหนาแข็งแรงพอ เตรียมชามสะอาดไว้ 2 ใบ ใบหนึ่งไว้ใส่น้ำ อีกใบไว้ใส่น้ำ อีกใบไว้ใส่อาหารกรงควรโล่งโปร่งและระบายอากาศได้ดี และแมวควรอยู่ในห้องโดยสารที่มีแอร์เช่นเดียวกันคุณ เพราะอากาศที่ร้อนจัดอาจทำให้แมวป่วยได้

           หากคุณกำลังจะเดินทางโดยเครื่องบิน แนะนำว่าคุณควรซื้อตั๋วประเภทที่อนุญาตให้นำแมวไว้กับคุณในห้องโดยสารได้ สายการบิน ส่วนใหญ่อนุญาตให้สัตว์ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม อยู่ในห้องโดยสารร่วมกับเจ้าของได้ แต่ต้องมีการติดต่อไว้ล่วงหน้า แมวที่ได้อยู่ใกล้ชิดเจ้าของะมีความเครียดในการเดินทางน้อยกว่าแมวที่เดินทางโดยถูกนำไปรวมกับสัมภาระ ส่วนกรณีที่จะพาแมวไปเที่ยวต่างประเทศ ต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนนะครับ เพราะในแต่ละประเทศมีเงื่อนไขการอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าประเทศที่แตกต่างกัน เช่น ใบรับรองสุขภาพใบรับรองากรฉีดวัคซีน ไมโครชิป หรือบางประเทศก็ต้องให้ทำการตรวจเลือดก่อน

ขั้นที่ 3 กล่องหลบภัยในบ้านพักตากอากาศ

           เมื่อคุณถึงโรงแรมหรือบ้านพักตากอากาศ สิ่งแรกที่ควรทำคือ สังเกตพฤติกรรมของแมว แมวที่อยู่ในอาการเครียดเพราะไม่คุ้นเคยกับสถานที่มักจะออกอาการอยู่เฉยๆ เงียบๆ และไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร แต่หากแมวรู้สึกสบายใจและไม่เครียดมักจะเดินมาหาเจ้าของและเดินสำรวจในบ้านพักอย่างเป็นปกติ ถึงตรงนี้หากเราทิ้งไว้สักพักแล้ว น้องเหมียวของเรายังอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับอยู่ หรือมุดซ่อนตัวไปอยู่ในตู้หรือใต้เตียง จะเรียกออกมาหรือจะเข้าไปอุ้มแต่ละทีก็ลำบาก ผมแนะนำให้เจ้าของลองสร้างกล่องหลบภัยขึ้นในห้องพักครับ แมวที่กำลังเครียดหรือไม่สบายใจมักพยายามหาที่ซ่อนตัวเพื่อให้รู้สึกสงบและปลอดภัยขึ้น เจ้าของอาจประยุกต์ใช้ลังกระดาษขนาดกลางเจาะรูไว้เป็นช่องให้แมวเข้าได้ เมื่อแมวที่เริ่มรู้สึกปลอดภัย คุ้นเคยกับสถานที่ และผ่อนคลายแมวจะเดนิออกมาหาคุณเอง ระหว่างที่รอเราก็ค่อยๆ จัดห้องวางกระบะทราย ชามน้ำ ชามอาหารไว้ในห้องพักให้แมว


 ขั้นที่ 4 อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ๆ ในระหว่างการพักร้อน

           การปฐมพยาบาลแมวเบื้องต้นเป็นสิ่งที่เจ้าของควรต้องรู้ครับ เพราะอุบัติเหตุต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างที่คุณและแมวกำลังพักร้อน ตัวอย่างปัญหาที่พบบ่อยๆ เช่น

           สารพิษ : เนื่องจากบ้านพักไม่ใช่บ้านที่เราอยู่ประจำ จะมีอะไรต่อมิอะไรทิ้งไว้บ้างก็ไม่รู้ หากคุณพบแมวอยู่ในอาการน้ำลายไหล นอนซึมผิดปกติ ควรรีบโทรศัพท์ปรึกษาสัตวแพทย์ในทันที สารพิษบางประเภทหากเพิ่งได้รับมาไม่เกินชั่วโมง เราสามารถกระตุ้นให้แมวอาเจียนออกมาเพื่อลดปริมาณสารพิษที่จะดูดซึมเข้าร่างกายได้วิธีการกระตุ้นให้อาเจียนที่ปลอดภัย คือ การใช้ Washing Soda (Sodium Carbonate) ป้อนให้แมวกิน 1 เกล็ด แต่ต้องทำเฉพาะในแมวที่ยังมีสติอยู่และยังไม่ซึมมากเท่านั้นนะครับ เพราะไม่อย่างนั้นแมวอาจสำลักสิ่งที่อาเจียนออกมาลงปอดจนเป็นอันตรายได้ หลังปฐมพยาบาลควรรีบนำส่งโรงพยาบาลในทันที

           การป้องกันที่ดีที่สุด คือ เมื่อถึงบ้านพัก คุณควรเดินสำรวจไปทั่วๆ ก่อน ว่าในห้องครัว ห้องนั่งเล่น ผู้พักเดิมวางอะไรทิ้งไว้หรือหรือมีการวางยาเบื่อหนูในบ้านหรือเปล่า เราจะได้เก็บทิ้งให้หมดก่อนปล่อยแมว

           แมวสัตว์กัดต่อย : ตัวต่อจะไม่ฝังเหล็กในไว้ในขณะที่ถ้าเป็นผึ้ง เหล็กในจะฝังอยู่ที่ผิวหนัง หากเจ้าของมองเห็นเหล็กในให้พยายามคีบออก พิษตัวต่อมีฤทธิ์เป็นต่าง เจ้าของสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้โดยใช้น้ำมะนาว หรือน้ำส้มสายชูเช็ดบริเวณนั้น เพื่อไปลดความเป็นด่างของพิษ แต่หากเป็นผึ้งพิษจะเป็นกรด แนะนำให้ใช้ Baking Soda ผสมน้ำเช็ดแผล เท้าบริเวณที่ถูกต่อยมักจะบวมตามมาในภายหลัง ควรโทรปรึกษาสัตวแพทย์ประจำตัวเพื่อพิจารณาใช้ยาแก้แพ้ เพื่อลดอาการบวม กรณีไม่ได้ถูกต่อยที่เท้าแต่เป็นบริเวณหน้าหรือคอ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องพาไปพบสัตวแพทย์ครับ เพราะอาจเกิดการบวมตามมาในส่วนของทางเดินหายใจจนถึงขั้นหายใจไม่ออกได้

           จมน้ำ : พบได้บ้างที่แมวจะพลาดตกไปในถังเก็บน้ำหรือสระน้ำ ธรรมชาติของแมวจะสามารถว่ายน้ำได้ แต่ถ้าหมดแรงเมื่อไหร่ก็มีสิทธิจมน้ำได้เหมือนกัน หากแมวตกน้ำให้เจ้าของรีบดึงแมวขึ้นจากน้ำทันที ถ้าสำลักน้ำให้จับแมวห้อยหัวลงเพื่อให้น้ำบางส่วนที่สำลักเข้าไปออกมาทางปาก จากนั้นวางแมวบนพื้นราบแล้วเช็ดตัวแรง ๆ เพื่อกระตุ้นการหายใจ หากแมวยังไม่กลับมาหายใจ เจ้าของจำเป็นต้องช่วยผายปอดแล้วรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว

           เท่านี้คุณก็สามารถไปเที่ยวกับน้องเหมียวตัวโปรดที่บ้านได้โดยสวัสดิภาพแล้วนะครับ ขอให้คุณผู้อ่านและน้องแมวทั้งครอบครัวมีความสุขกับการพักผ่อนในช่วงหน้าร้อนครับ แล้วพบกันใหม่ เดือนหน้า สวัสดีครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 


https://pet.kapook.com/view40704.html
เครดิตภาพ  https://www.youtube.com/watch?v=SqigckOWIN0

Friday, December 13, 2019

10 อาหารต้องห้ามสำหรับน้องเหมียว ที่เจ้าของควรรู้ไว้



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ทุกวันนี้ บรรดาคนรักแมวต่างสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้เหมียวลูกรัก ทั้งอาหารการกิน ขนมกินเล่นที่เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเค้า แต่คุณ ๆ ทั้งหลายเคยรู้ไหมคะว่า มีของหลายสิ่งที่เราคาดไม่ถึงว่า มันเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับเจ้าเหมียว เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อน้องเหมียวได้ ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของอย่างเรานี่แหละ ที่จะต้องคอยกันอาหารอันตรายออกไปให้มันได้รับแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้นนะคะ

          ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวมอาหารที่แมวไม่ควรทานมาฝาก เพื่อเอาใจเหล่าคนรักน้องแมวกันโดยเฉพาะ ส่วนอาหารที่ว่าจะมีอะที่คุณเคยให้มันทานไปบ้างหรือเปล่า และมีผลเสียอย่างไรบ้างนั้น คนที่สนใจก็ลองไปอ่านกันดูเลยค่ะ

1. ยาพาราเซตามอล 
        
           สำคัญมากเลยค่ะ เจ้าของควรรู้ไว้นะคะว่า หากว่าแมวของคุณป่วยเป็นไข้ หรือไม่สบาย ห้ามให้น้องแมวกินยาพาราเซตามอลเด็ดขาดค่ะ เนื่องจากพิษของพาราเซตามอลที่มีต่อแมว จะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบเลือด ทำให้เลือดลำเลียงออกซิเจนไม่ได้ หลังรับยาเข้าไปใหม่ ๆ จะยังไม่แสดงอาการ แต่ต่อมาจะเริ่มมีอาการหอบ หน้าบวม ซึ่งหากได้รับในปริมาณไม่มาก สัตว์แพทย์ยังสามารถช่วยทันได้ แต่หากรับในปริมาณมาก ๆ แล้วนั้น สัตว์จะเสียชีวิตภายใน 24-48 ชั่วโมง

 2. หัวหอ กระเทียม องุ่นและลูกเกด

          หัวหอมไม่ว่าจะเอาไปผัด ทอด ลวกหรือทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้ากินมาก ๆ เข้าก็สามารถส่งผลเสียกับสุขภาพของแมวที่คุณรักได้ทั้งนั้น เพราะมันจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงในตัว ส่งผลให้แมวของคุณมีสภาพร่างกายที่อ่อนแอ และอาจถึงขั้นเป็นโลหิตจางได้เลยทีเดียว นอกจากนี้กระเทียมและกุ้ยช่ายก็เป็นอีกอย่างที่ไม่ควรให้แมวของคุณทานเช่นกัน เพราะอาหารพวกนี้นี่แหละที่จะเป็นตัวการทำให้กระเพาะของมันมีปัญหา อีกทั้ง องุ่น และลูกเกดนั้นก็เป็นสิ่งต้องห้ามเช่นกันเพราะจะทำให้แมวคลื่นเหียน อาเจียนออกมา และมีอันตรายต่อตับ

3. ผลิตภัณฑ์จากนมวัว

          ถึงเรามักจะเห็นภาพที่แมวกินนมตามภาพยนตร์หรือการ์ตูนกันจนคุ้นตา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นของที่ควรเอามาให้เจ้าเหมียวที่คุณรักกินกันบ่อย ๆ หรอกนะ เนื่องจากแมวส่วนใหญ่โดยเฉพาะลูกแมวนั้นยังไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัวได้ดีพอ ทำให้ท้องเสียได้ หากจำเป็น ควรใช้นมแพะ หรือนมสำหรับแมวที่ไม่มีแลคโตส จะดีกว่า

 4. แอลกอฮอลล์

          เก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทั้งหลายเอาไว้ใช้สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ก็พอแล้ว อย่าเอามาให้สัตว์เลี้ยงของคุณกินด้วยเลยจะเสียของซะเปล่า ๆ ..เอ้ย ไม่ใช่ จะเป็นอันตรายกับสุขภาพของมันต่างหากล่ะ!! เพราะแอลกอฮอลล์จะเข้าไปทำลายระบบการทำงานของตับและสมองของมัน โดยเพียงแค่วิสกี้ 2 ช้อนโต๊ะก็สามารถทำให้แมวน้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัมเข้าขั้นโคม่าได้ง่าย ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าให้แมวกินของพวกนี้เด็ดขาด แม้กระทั่งอาหารที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ก็ไม่ควรนะคะ

 5. ช็อคโกแลต

          หลาย ๆ คนอาจคิดว่าการให้ช็อคโกแลตกับแมวที่ตัวเองเลี้ยง เป็นเหมือนการให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยขนมกับมัน แต่ที่จริงแล้วคุณกำลังเอายาพิษให้มันกินโดยไม่รู้ตัวต่างหาก เพราะช็อคโกแลตนั้นเป็นอันตรายต่อแมวอย่างร้ายแรง โดยสารธีโอโบรมีนที่มีอยู่ในช็อคโกแลตทุกชนิด โดยเฉพาะดาร์กช็อคโกแลตนั้นจะเข้าไปทำให้อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ ใจสั่น ลมชัก และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

6. ลูกอมและหมากฝรั่ง

          ขนมทานเล่นจำพวกลูกอมหรือหมากฝรั่งมักมีสารไซลิทอลปนอยู่ด้วย ซึ่งมันจะไปกระตุ้นการผลิตอินซูลินจนทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว หนำซ้ำยังก่อให้เกิดอาการตับวายและอาเจียนได้อีกต่างหาก โดยอาการพวกนี้ไม่ต้องรอนาน เพียงแค่ 2 - 3 วันก็จะเริ่มมีอาการผิดปกติออกมาให้เห็นแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้แมวที่คุณรักกินของพวกนี้เด็ดขาดนะคะ

 7. เนื้อติดมันหรือกระดูก

          เข้าใจดีว่าบางคนก็ชอบทิ้งเนื้อติดมันหรือกระดูกให้สัตว์เลี้ยงกินแทน เพราะคิดว่าอย่างไรซะก็คงดีกว่าทิ้งไปให้เสียของแน่ ๆ แต่ที่จริงแล้วคุณไม่ควรให้พวกมันกินของพวกนี้หรอกนะคะ เพราะพวกเนื้อติดมันนั้นจะทำให้แมวท้องเสียหรืออาเจียนได้ง่าย ๆ ในขณะเดียวกันกระดูกก็จะสร้างปัญหาในระบบขับถ่าย และอาจทำให้แมวของคุณสำลักได้เช่นกัน

 8. ไข่ดิบ + ปลาดิบ

          เวลาที่คุณให้แมวทานไข่ดิบ ๆ จะทำให้เจ้าเหมียวต้องเผชิญความเสี่ยง 2 อย่างในเวลาเดียวกัน อันดับแรกก็คือมันอาจจะต้องเสี่ยงกับแบคทีเรียอีโคไลซึ่งทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ และอีกอย่างก็คือไข่ดิบนั้นจะทำให้ความสามารถในการดูดซึมวิตามินบีของร่างกายลดลง จนทำให้ขนของมันไม่เงางามเหมือนเก่านั่นเอง นอกจากนี้พวกเนื้อหรือปลาดิบก็ไม่ควรทานด้วยเหมือนกันนะคะ

 9. ตับ

          ถ้ากินในปริมาณน้อย ๆ ก็ยังพอไหว แต่ทานมาก ๆ คงไม่ดีแน่ เพราะการทานตับมาก ๆ นั้นจะเป็นพิษต่อการซึมซับวิตามินเอในร่างกาย จนทำให้แมวของคุณเกิดอาการกระดูกเปราะเอาได้ง่าย ๆ และอาจก่อให้เกิดความผิดปกติในการเติบโตของกระดูกอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วก็ควรระวังอย่าให้มันทานเยอะเกินไปนะคะ แค่นาน ๆ ครั้งก็พอแล้ว

 10. ชา กาแฟ เครื่องดื่มคาเฟอีน

          และแล้วก็มาถึงอย่างสุดท้ายซึ่งก็คือคาเฟอีนนั่นเอง โดยคาเฟอีนนั้นส่งผลเสียกับร่างกายของแมวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เกิดอาการใจสั่น หายใจถี่ และเกิดกล้ามเนื้อสั่นเกร็ง ซึ่งอาหารที่เต็มไปด้วยคาเฟอีนนั้นก็ได้แก่พวกเครื่องดื่มต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ เช่น น้ำอัดลม กาแฟ โกโก้ ชา รวมไปถึงเครื่องดื่มชูกำลังนั่นเอง


          รู้แบบนี้แล้ว ต่อไปก็พยายามระมัดเรื่องอาหารการกินของมันให้มาก ๆ เพื่อให้เจ้าเหมียวที่คุณรักสุขภาพแข็งแรงอยู่กับคุณได้นาน ๆ ด้วยนะคะ

https://pet.kapook.com/view49345.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/113645590588591880/

Thursday, December 12, 2019

ไขความลับเรื่องเหมียว ๆ ทำไมแมวชอบเลียเจ้าของ



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เจ้าของแมวหลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไม๊...ทำไม แมวของคุณถึงชอบเดินมาเลียนัก ทั้ง ๆ ที่ดุก็แล้ว ตีก็แล้ว ผลักออกก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ยังเดินเข้ามาเลียคุณอยู่ดี ในวันนี้เราก็เลยหยิบข้อสงสัยเหล่านั้นมาเฉลยกัน เจ้าของเหมียวทั้งหลายจะได้หายข้องใจและเข้าใจแมวของคุณกันมากขึ้นว่า พฤติกรรมการเลียของแมวนั้นมีที่มาจากอะไรบ้าง

          1. สร้างความสัมพันธ์กับแมวตัวอื่น

          แมวไม่ได้เลียขนให้กัน เพราะแค่ต้องการช่วยกันทำความสะอาดในจุดที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง อย่างเช่น บนศีรษะ ในใบหู หรือใต้คาง แต่การที่แมวเลียให้กันแบบนี้ยังเป็นการสร้างและเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแมวด้วยกันเอง ดังนั้นถ้าหากแมวเดินเข้ามาเลียคุณก็แสดงว่า แมวอยากจะเพิ่มความสัมพันธ์กับพวกคุณอย่างไรล่ะ
 
          2. แสดงความรัก

หากแมวของคุณพยายามจะใช้ลิ้นเลียผิวให้รู้เอาไว้เลยว่า แมวกำลังแสดงความรักกับเจ้าของ เหมือนกันที่แม่แมวแสดงความรักกับลูก ๆ ของพวกมันด้วยการช่วยทำความสะอาดขนด้วยลิ้น ในขณะเดียวกัน การเลียนั้นยังหมายความว่า แมวรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกับเจ้าของ เพราะเวลาอยู่ใกล้เจ้าของจะทำให้รู้สึกมีความสุขและปลอดภัยนั่นเอง
 
          3. ผ่อนคลายความเครียด

          ความเครียด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แมวชอบเลียขนตัวเองบ่อย ๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลม และสร้างความสบายใจให้กับตัวเอง เมื่อตกอยู่ในสภาวะหรือเหตุการณ์เคร่งเครียด นอกจากนี้หากแมวไม่เลียขนตัวเองก็อาจจะใช้ลิ้นเลียสิ่งของอื่น ๆ อย่างเช่น ผ้า พลาสติก รวมไปถึงการเลียผิวของเจ้าของคลายความเครียดด้วยก็เป็นได้ 
 
           วิธีป้องกันแมวเลีย
 

          หากเจ้าของไม่อยากให้แมวเลียมือ ใบหน้า หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพราะกลัวว่าแมวอาจเป็นอันตราย เจ้าของไม่ควรใช้วิธีผลักไสไล่ส่งแมว เพราะอาการเหล่านี้จะทำให้แมวรู้สึกสับสน หากเป็นไปได้ควรจะใช้ของเล่น อาหาร ขนม หรือสิ่งของที่แมวชอบมาเบี่ยงเบนความสนใจของแมว ก่อนที่แมวจะเข้ามาเลียเจ้าของนั่นเอง
 
          คราวนี้ก็หวังว่าเจ้าของแมวทุกคนคงจะเข้าใจถึงพฤติกรรมของแมวกันมากขึ้นแล้วนะคะ และหากคุณไม่สามารถห้ามไม่ให้แมวเลียได้ ก็ลองนำวิธีของเราไปใช้กันดู ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยลดความเครียดของแมวได้แล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันพฤติกรรมการเลียของแมวได้ดีอีกด้วย


https://pet.kapook.com/view85354.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/53058101850986232/

Wednesday, December 11, 2019

ภาษาบอกรักของน้องเหมียว


ข้อมูลจาก Forward Mail
          ถ้าเจ้าเหมียวที่บ้านพูดได้ก็คงดีสินะ เพราะเราคงจะถามมันทุกวันว่า
"รักเราบ้างรึเปล่า" 
แต่ถึงมันจะพูดไม่ได้ เราก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่จะรู้ได้ว่าแมวรักเราแค่ไหน
นั่นคือการสังเกตอากัปกิริยา ท่าทางของมัน... ถ้างั้นไปดูกันดีกว่าว่าแมวเหมียวที่บ้านของคุณ มีพฤติกรรมแบบนี้บ้างมั้ยน๊า
          1. กระโดดนั่งตักคุณ แล้วก็ใช้หน้าถูกับตัวคุณ
แมวส่วนใหญ่มักจะแสดงออกแบบนี้
เรียกว่าเป็นการแสดงออกแบบสากลก็ว่าได้
          2. ส่งเสียงร้องเรียกคุณ "เมี้ยว เมี้ยว" เบาๆ แล้วก็ทำหน้าอ้อนๆ ทำตาหวานใส่
แมวที่เรียบร้อยมักจะแสดงออกแบบเขินๆ แบบนี้แหละ
          3. กัดที่หน้าแข้ง หรือข้อศอกเบา ๆ เจ้าของบางคนจะไม่ชอบ
และเข้าใจผิดว่าแมวดุ
แต่จริง ๆแล้ว เป็นการแสดงความรักของแมวระดับจ่าฝูงก็ว่าได้
เพราะพวกนี้จะอ้อนไม่ค่อยเป็น
          4. นวดหลัง บางครั้งเมื่อคุณนอนอยู่จะเห็นว่าแมวจะขึ้นไปเดิน
หรือเหยียบหลังคุณ ถ้าหากคุณรู้สึกพอใจมันก็จะทำบ่อย ๆ
เพื่อให้คุณสบาย แมวพวกนี้จัดเป็นพวกไอคิวสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
          5. หอมแก้ม บางครั้งเวลาอุ้มแมวจะถูกแมวหอมแก้ม
อันนั้นมันบอกว่า "รักคุณมากเลยหล่ะ"
          6. แมวใช้เท้าหน้าลูบหน้าคุณ หรือตบที่หน้าเบาๆ
อย่าพึ่งไปโกรธมันนะคะ เพราะถ้าแมวมีอาการแบบนี้
ก็ให้คุณนึกซะว่า กำลังถูกคนรักลูบหน้าอยู่ก็แล้วกัน
          7. ลูบหน้า แล้วก็ร้องเบาๆ มันบอกคุณว่า "รักเจ้านายมากที่สุดในโลกเลย"
          8. แมวเอาตัวมาถูที่ขา แรงๆ แล้วก็ร้องดังๆ อันนี้เป็นการแสดงออกว่ารัก
ของแมวประเภทหัวโจกชอบโวยวาย
          9. กระโดดเกาะที่หลังเวลาเจ้าของนั่งลง แมวขี้เล่น หรือแมวที่ซุกซน
หรือแมวเด็กๆ มักจะแสดงออกแบบนี้ ก็เหมือนกับเวลาที่ตอนคุณเด็กๆ
คุณก็อยากให้พ่อ อุ้มหลังขึ้นเหมือนกัน
          10. มานอนซุกคุณเวลาคุณนอนหลับ อันนี้แสดงว่ารักมาก
อยากอยู่ด้วยตลอดเวลา แม้เวลาจะนอนหลับ
          แต่ถ้าแมวของคุณยังไม่แสดงออกแบบนี้ละก็ลองหันกลับไปดูว่า
ได้ดูแลเขาได้ดีพอหรือยัง
ถ้ายังก็ควรจะเริ่มใหม่เสียยังไม่สายจนเกินไป
เพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณกับเจ้าเหมียวอย่างไรล่ะ

Sunday, December 8, 2019

ภาษาแมวดูจาก..หาง



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

สำหรับคนรักแมวและเลี้ยงแมว คงไม่มีอะไรที่สุขใจไปกว่าการได้เล่นกับแมว หรือ ดูแมวที่เลี้ยงไว้เล่นด้วยกัน แต่เชื่อว่า หลายคนคงอยากจะรู้ว่าในขณะที่เรากำลังเล่นกับแมว หรือ แมวกำลังเล่นกันนั้น พวกมันคิดอะไรกันอยู่ กำลังมีความสุข ดีใจ หรือ เศร้าใจกันนะ วันนี้ กระปุกเพ็ทจะพาคนรักแมวทั้งหลายไปศึกษาภาษาแมวเบื้องต้น โดยดูได้ง่าย ๆ จาก "หางแมว" นั่นเอง แล้วจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะรู้อารมณ์ของเจ้าเหมียวหรืออาจจะแอบฟังเค้าคุยกันได้ด้วยนะคะ


ภาษาแมวดูจากหาง

     
           ถ้าหางของมันยกขึ้นและม้วนเล็กน้อย : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
         
           ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ

           ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง : แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน

           ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ : แสดงว่าแมวมีความสุขไปกับการวิ่งไล่กับแมวตัวอื่นไปรอบ ๆ

           ถ้าหางของแมวอยู่นิ่ง ๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นบางครั้ง : แสดงว่าแมวรู้สึกว่ามันถูกรบกวนหรือมีความกังวล ความทุกข์

           ถ้าหางของแมวนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก : แสดงว่าแมวกำลังรู้สึกโกรธมาก

           ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน : แสดงว่าแมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว

           ถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและขนลุกพองออก : แสดงว่าแมวกำลังกลัว

           ถ้าหางของแมวลดลงต่ำมาก หรืออาจจซุกอยู่ระหว่างขาหลัง : แสดงว่าแมวกำลังยอมแพ้


เพิ่มเติม

           ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ปลายหางม้วนชี้ขึ้น : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย 

          ถ้าหางเคลื่อนไหวเป็นคลื่นและสะบัดจากทางหนึ่งไปอีกทางหนึ่ง : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังตื่นเต้นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาก ๆ 

           ถ้าหางของแมวตั้งตรง ที่ปลายหางกระดิก หรือสั่นอย่างนุ่มนวล :  แสดงว่าแมวชอบหรือรักสิ่งที่อยู่ตรงหน้า 

           ถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง : แสดงว่าแมวกำลังโกรธ

            ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน : แสดงว่าแมวกำลังโกรธและตรงเข้าทำร้ายได้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้

            ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และแมวหมอบ หรือย่อตัวอยู่ หรือยกสะโพกสูงขึ้น : แสดงว่าแมวตัวเมียอยากผสมพันธุ์แล้ว


Sunday, December 1, 2019

เลี้ยงแมวในบ้าน ให้มีความสุขเท่าเลี้ยงปล่อย คุณเองก็ทำได้



เลี้ยงแมวในบ้าน ให้มีความสุขเท่าเลี้ยงปล่อย คุณเองก็ทำได้ (Cat Magazine)
เรื่อง :  น.สพ.กมล ภาคย์ประเสริฐ

          หากคุณ ๆ เจ้าของผู้รักน้องเหมียวทั้งหลาย วุ่น ๆ หรือยุ่ง ๆ ไม่มีเวลาอยู่บ้านเล่นกับเหมียวทั้งหลายแล้วละก็ เรามีวิธีที่จำให้แมวเหมียวเล่นได้อย่างมีความสุข ในวันนี้เราจะมาดูกันในเรื่องของกิจกรรมที่จะช่วยสร้างความสนุกให้กับแมวของคุณ คือ การเล่น และการข่วน ซึ่งอย่างหลังนี่ถ้าไปเกิดกับโซฟาของคุณผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นความสุขของแมวบนความทุกข์ของเจ้าของหรือเปล่า เราจะมาดูกันว่าจะมีวิธีจัดกิจกรรมสร้างความสนุกให้แมวอย่างไร และปิดท้ายบทความด้วยวิธีการกระตุ้นประสาทสัมผัสของแมวที่ส่งผลต่ออารมณ์สำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้านครับ

การเล่น

          การเล่นไม่ใช่กิจวัตรประจำวันหลักของแมวแต่เป็นสิ่งที่แทรกอยู่ในช่วงเวลาของกิจกรรมอื่นๆ เช่น การล่า หรือการเดินเที่ยว แมวที่เลี้ยงอยู่ในบ้านจะเล่นกับแมวตัวอื่นที่เลี้ยงอยู่ในบ้านด้วยกัน รวมทั้งอาจเล่นกับสุนัขในบ้าน หากแมวหรือสุนัขตัวนั้นเป็นมิตร แต่ถ้าหากว่าคุณเลี้ยงแมวอยู่ตัวเดียวในบ้านแล้วละก็ คงต้องมาเรียนรู้กันแล้วล่ะครับว่าจะเล่นกับแมวที่บ้านอย่างไร

ของเล่นสำหรับแมวมีอะไรบ้าง...และเลือกอย่างไร

 Batting Toys : ของเล่นสำหรับตบ
         
          ในเชิงพฤติกรรม สิ่งหนึ่งที่แมวต่างจากสุนัขอย่างชัดเจน คือ สัญชาตญาณของนักล่าที่ยังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ของเล่นประเภทนี้ จึงเหมาะกับแมวที่มีความเป็นนักล่าในตัวกระดาษหรือฟอยล์อะลูมิเนียมขยำเป็นก้อนแกนกระดาษทิชชู หรือตุ๊กตายัดนุ่น สามารถนำมาใช้เป็นของเล่นได้ โดยให้แมววิ่งไล่ตะครุบ บางตัวอาจนอนหงายใช้สองขาหน้าจับตุ๊กตาไว้ แล้วใช้ขาหลังถีบยัน ของเล่นสมัยใหม่มักผลิตให้มีเสียง สั่นได้ และเคลื่อนไหวได้เพื่อให้ดึงดูดความสนใจจากแมวมากยิ่งขึ้น

 Suspended Toys : ของเล่นแขวนผูกสาย

          สายตาของแมวออกแบบให้ถูกดึงดูดความสนใจได้ง่ายจากวัตถุที่เคลื่อนไหว ของเล่นกลุ่มนี้อาศัยการเคลื่อนไหวที่ไม่แน่นอนของตุ้มที่เป็นเหยื่อที่ติดไว้กับลูกบิดประตู หรือบริเวณที่แมวชอบขึ้นไปปีนป่าย การเล่นของเล่นประเภทนี้ควรอยู่ภายใต้สายตาเจ้าของเพื่อป้องกันปัญหาสายที่อาจฟันกันหรือแมวสนุกเพลินจนเผลอกินตุ้มเข้าไป

 Interactive Toys : ของเล่นที่เจ้าของมีส่วนร่วม

          สำหรับเจ้าของที่อยากมีส่วนร่วมในการเล่นกับแมว มีของเล่นหลายชนิดให้เลือก เช่น เบ็ดแมว เลเซอร์พอยท์เตอร์ให้แมววิ่งไล่ตามแสง หรือลูกบอลและห่วงขนาดเล็กที่โยนให้แมวเพื่อให้นำกลับมาให้เจ้าของ (อันนี้ต้องอาศัยการฝึก) อีกกิจกรรมที่แนะนำสำหรับเจ้าของที่มีอ่างอาบน้ำที่บ้านคือ การโยนลูกปิงปองลงไปในอ่างเพื่อให้แมววิ่งไล่

 Toys for hiding : ของเล่นสำหรับหลบซ่อน

          สำหรับแมวที่มีนิสัยเป็นสุดยอดนักสำรวจ ชอบเข้าไปตรวจสอบสอดส่องในสถานที่ใหม่ๆ ผมขอเสนอของเล่นใกล้ตัวอย่างลังกระดาษ และถุงกระดาษครับ จะวางคว่ำหรือวางตะแคงก็ได้ แมวมักจะสนุกกับการเข้าไปสำรวจและซ่อนตัวอยู่ในนั้น ข้อควรระวังคือห้ามใช้ถุงพลาสติกเด็ดขาดครับ เพราะแมวอาจขาดอากาศได้


 การข่วน

          เจ้าของบางคนอาจเกิดคำถามว่าแมวข่วนเล็บทำไม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแมวไปข่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เหตุผลหลักคือเพื่อลับเล็บให้แหลมคมและเพื่อเป็นการทำเครื่องหมายโดยทิ้งรอยข่วนและกลิ่นไว้ที่บริเวณนั้น การหากระดานหรือเสื่อสำหรับลับเล็บไว้ให้แมวที่เลี้ยงในบ้าน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากที่ลับเล็บจะมีทั้งชนิดที่เป็นแนวตั้งและแนวนอน และมีวัสดุที่ใช้ลับเล็บหลากหลาย ตั้งแต่ พรม เรียกมะนิลา ผ้ากระสอบหรือไม้ ดังนั้นในช่วงแรกเจ้าของจึงควรมีที่ลับเล็บที่หลากหลายและจัดวางไว้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนให้แมวเลือกเพื่อสังเกตว่าแมวของคุณชอบแบบไหน แมวส่วนใหญ่มักชอบที่ลับเล็บแนวตั้งมากกว่าแนวนอน และชอบวัสดุที่มีพื้นผิวที่ขรุขระมาก มากกว่าที่ขรุขระน้อย การมีที่ลับเล็บที่เป็นวัสดุที่แมวถูกใจและไปวางไว้ในบริเวณที่แมวชอบไปอยู่เป็นประจำเป็นหนึ่งในทางเลือกที่จะลดโอกาสที่แมวจะข่วนเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้

          ปัญหาใหญ่ที่สำคัญที่สุดของแมวที่เลี้ยงในบ้านคือสภาพแวดล้อมที่เหมือนเดิมทุก ๆ วัน การกระตุ้นประสาทสัมผัสการมอง การได้ยินและการรับกลิ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของต้องเรียนรู้


กระตุ้นการมอง

          แมวที่เลี้ยงในบ้านจะมีความสุขมาก ถ้ามีหน้าต่างสักบานให้แมวได้มองเห็นนกหรือกระรอกที่อยู่นอกบ้าน สำหรับคนที่ใช้ชีวิตในเมือง ทีวีแอลซีดี หรือแอลอีดี ในปัจจุบันออกแบบให้มีความถี่สูงในระดับที่แมวจะมองเห็นเป็นภาพต่อเนื่องได้ เราจึงอาจเปิดสารคดีที่มีนก ปลา หรือแมลง เพื่อช่วยชดเชยการมองวิวผ่านทางหน้าต่างได้ การเลี้ยงปลาในตู้หรือในโหลที่ปิดมิดชิดเป็นอีกวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้แมวมีอะไรให้ดูเวลาที่อยู่ว่างๆ ครับ

  กระตุ้นการได้ยิน

          เลือกของเล่นแมวที่มีเสียงหรือโยนลูกปิงปองลงในอ่างอาบน้ำให้แมววิ่งไล่จับจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสการได้ยิน

  กระตุ้นการรับกลิ่น

          เจ้าของแมวส่วนใหญ่รู้จักแคทนิปกันดีเพราะกลิ่นจากสารเคมี บางตัวในพืชชนิดนี้ผลต่ออารมณ์ของแมว ของเล่นแมวนำเข้าหลายชนิด จึงมักมีแคทนิปในรูปผงใส่มาให้ด้วย แมวมักจะเข้าไปเลีย เอาหน้าไปถูหรือเอปากกัด บางตัวอาจนอนกลิ้งเกลือไปกับพื้นและตะกายขาเหมือนว่ากำลังฝันอยู่ แคทนิปเป็นสิ่งที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นอารมณ์ของแมว แต่ไม่ใช่แมวทุกตัวที่จะตอบสนองกับกลิ่นแคทนิป

          ตำแยแมว (Indian copperleaf) วัชพืชในรูปพบเห็นทั่วไปตามข้างทางได้ในประเทศไทย มีสารเคมีที่มีผลต่ออารมณ์แมวแบบอ่อนๆ ในส่วนรากคล้ายแคทนิป แนะนำให้ผู้เลี้ยงแมวหามาปลูกไว้ครับ
และหากคุณเคยมีประสบการณ์ที่แมวหนีออกนอกบ้านไปกินหญ้า การปลูกต้นอ่อนข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต หรือข้าวบาร์เลย์ไว้ในบ้าน (หาได้ในไทย) ไว้ให้แมวกัดเคี้ยวเล่นเวลาที่เขาต้องการจะช่วยให้เขามีความสุขได้ครับ

          สุดท้ายผมหวังว่าผู้อ่านทุกท่านพร้อมแล้วที่จะเนรมิตวิมานบนดินให้กับแมวตัวน้อยของคุณ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก็ซื้อความสุขให้แมวได้ บางครั้งแค่กระดาษขยำก้อนเดียวใส่ความรักความใส่ใจจากเจ้าของลงไป ก็พอแล้วครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


https://pet.kapook.com/view36244.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/422281206592505/

Wednesday, November 27, 2019

9 ข้อช่วยคิด ก่อนตัดสินใจรับแมวมาเลี้ยง



        แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและดูจะเลี้ยงง่าย แต่สัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนก็ตาม ย่อมต้องการเจ้าของที่รัก และใส่ใจเขาจริง ๆ เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นมือใหม่ที่คิดจะรับเลี้ยงแมวสักตัว เราอยากให้อ่านข้อมูลพวกนี้สักนิด เพื่อใช้ทบทวนตัวเองว่าคุณพร้อมหรือยังที่จะเลี้ยงเขาค่ะ
 


 1. ต้องมีความรับผิดชอบ

         สัตว์เลี้ยงทุกชนิดมีชีวิต และไม่ใช่ของเล่น เพราะฉะนั้นคุณต้องมั่นใจตัวเองก่อน ว่าเป็นคนรักสัตว์จริง ๆ และมีความพร้อมมากพอที่จะดูแลแมวไปตลอดชีวิตของเขา ถ้าคิดว่าไม่สามารถจะรักเขาได้เท่าคนในครอบครัว ก็อย่าเพิ่งรับเขามาเลี้ยงเลยค่ะ
 
 2. เตรียมบ้านให้พร้อม

         ลูกแมวตัวเล็ก ๆ ซนอย่าบอกใคร เพราะฉะนั้นก่อนจะรับเขามาเลี้ยง คุณต้องเตรียมบ้านให้พร้อมก่อน เก็บสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ เช่น ไหมพรม เอกสารสำคัญหรือของที่จะเสียหายได้ง่าย ให้พ้นจากรัศมีที่น้องแมวจะคว้าถึง รวมถึงเชือกหรือต้นไม้ที่มีพิษก็ควรเก็บไปไว้ไกล ๆ ด้วย เพราะของพวกนี้อาจทำให้น้องแมวเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรได้นะคะ
 
 3. เลี้ยงไว้ 2 ตัวเป็นเพื่อนกันจะดีว่า

          การเป็นลูกคนเดียวเหงาอย่างไร แมวที่อยู่โดดเดี่ยวก็คงรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน หากคุณจะรับน้องแมวมาเลี้ยง เราอยากให้คุณรับมาเลี้ยง 2 ตัวเลยค่ะ มันอาจจะเป็นการเพิ่มภาระให้คุณอีกเท่าตัว แต่มันจะเป็นการดีกับน้องแมวมากกว่าแน่นอน เขาจะได้มีเพื่อนเล่นตอนคุณไม่อยู่ยังไงล่ะ

4. ค่อยเป็นค่อยไป

          ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือคน ย่อมต้องมีความขลาดกลัว และไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ เพราะฉะนั้นแรก ๆ คุณควรจะจัดห้องเล็ก ๆ ให้น้องแมวอยู่ก่อน เพื่อให้เขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อม จากนั้นจึงค่อย ๆ ปล่อยให้เขาออกมาเดินสำรวจพื้นที่อื่น ๆ ด้วยตัวเอง หรือค่อย ๆ ให้เขาทำความรู้จักกับแมวหรือสุนัขที่คุณเลี้ยงไว้
 
 5. ฉีดวัคซีนและทำหมัน


          ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าน้องแมวที่คุณจะรับเลี้ยงนั้นได้รับวัคซีนหรือการทำหมันมาบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่ แนะนำให้คุณชวนเพื่อน ๆ หรือใครที่สนใจจะนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนให้ได้เยอะ ๆ แล้วไปพร้อม ๆ กัน เพราะยิ่งเยอะจะยิ่งได้ราคาที่ถูกลง หรือถ้าคุณมีงบสูงพอ ก็อาจจะฝังไมโครชิปให้น้องแมวไปด้วยก็ได้ เผื่อเขาโตขึ้นแล้วหนีไปเที่ยวที่ไหน จะได้ตามหากันได้ง่าย ๆ ค่ะ
 
 6. ห่วงใยเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย

          ปรึกษาสัตวแพทย์ถึงการดูแลน้องเหมียวของคุณ เช่น ต้องให้อาหารประเภทไหน หรือต้องดูแลอย่างไรจึงจะพอดีกับเขา เพราะแมวแต่ละตัวย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกัน และพยายามอย่าปล่อยเขาออกไปเล่นข้างนอกบ่อย ยิ่งมีโอกาสไปซุกซนไกลแค่ไหน ก็ยิ่งเสี่ยงจะบาดเจ็บและเสี่ยงถูกทำร้ายมากขึ้นเท่านั้น ดูแลให้เขาอยู่ใกล้ ๆ สายตาไว้ดีกว่าค่ะ เขาจะได้อยู่กับคุณไปนาน ๆ
 
 7. อย่าตัดเล็บให้เขาเด็ดขาด!


          แมวมีนิสัยชอบฝนเล็บ นั่นหมายความว่า โซฟา เฟอร์นิเจอร์หรือแม้กระทั่งรถของคุณอาจต้องตกอยู่บนความเสี่ยงที่จะฉีกขาดหรือเป็นรอย แต่อย่าคิดจะตัดเล็บให้เขาเด็ดขาดนะคะ เพราะเล็บเป็นหัวใจสำคัญของอุ้งเท้าและนิ้วของแมว ถ้าคุณตัดเล็บให้เขา มันจะสร้างความเจ็บปวดและทำให้ชีวิตเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทางที่ดีจัดเตรียมที่ทางสำหรับฝนเล็บให้เขาดีกว่า คุณสามารถหาซื้ออุปกรณ์พวกนี้ได้ง่าย ๆ จากร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงทั่วไปค่ะ
 
 8.  ให้ความรัก เวลา และความใส่ใจ

          ลูกแมวจะซนและมีพลังงานเหลือเฟือ แถมมีนิสัยเรียกร้องความรักความสนใจเหมือนเด็ก ๆ เพราะฉะนั้นคุณควรหาของเล่นไว้ให้เขา และสละเวลาเล่นกับเขาบ้างเท่าที่มีโอกาส อย่าละเลยเขา แม้เขาจะโตและไม่ได้เป็นลูกแมวอีกต่อไป เพราะแมวทุกช่วงอายุต้องการความรักความใส่ใจทั้งนั้นแหละค่ะ
 
 9.  ฝึกนิสัยที่ดีให้แมวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก


          แมวที่มีนิสัยอันธพาลและไม่มีมารยาทคงไม่น่ารักเท่าไร เพราะฉะนั้นเราควรจะฝึกให้เขามีนิสัยที่ดีตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ลองปรึกษาทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ว่าคุณจะใช้วิธีไหนฝึกให้เค้าไม่ออกเล็บขณะเล่นกับคุณ หรือไม่กระโดดขึ้นโต๊ะอาหารได้บ้าง
 
          สัตว์เลี้ยงก็เป็นเสมือนเพื่อนดี ๆ คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นก่อนจะรับเพื่อนมาดูแลสักคน คุณคงต้องมั่นใจก่อนว่าจะดูแลเขาได้อย่างดีและไม่บกพร่อง ถ้า 9 ข้อนี้ยิ่งทำให้คุณมั่นใจ ว่าคุณเองก็เป็นคนรักสัตว์คนหนึ่ง เราก็ขอสนับสนุนให้คุณรับเขาเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านได้เลยค่ะ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/370491506857719584/